Mazda เดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ระบบไฮบริดใช้เครื่องยนต์โรตารี่ปั่นไฟ ขยายระยะทางขับขี่ พร้อมลดคาร์บอน เพื่อความยั่งยืน
บริษัท มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์สู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ด้วยแนวทาง “Multi-Solution” เพื่อส่งมอบทางเลือกหลากหลายให้กับผู้บริโภคในแต่ละภูมิภาคตามความพร้อม ผ่านการพัฒนาระบบส่งกำลังตั้งแต่เครื่องยนต์สันดาปภายใน (ICE) รถปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) รถไฟฟ้าไฮบริด (HEV) และรถไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ครอบคลุมกระบวนการตั้งแต่การสกัดวัสดุ การผลิต ไปจนถึงสิ้นอายุการใช้งานของยานพาหนะ
หนึ่งในเทคโนโลยีที่มาสด้าพัฒนาภายใต้แนวคิดนี้ คือ “e-Skyactiv R-EV” ที่นำข้อดีของเครื่องยนต์สันดาปมาผสานกับระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า โดยใช้เครื่องยนต์โรตารี่ขนาดเล็กทรงพลังเพียง 830 ซีซี เป็นตัวปั่นกระแสไฟให้กับแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออน 17.8 กิโลวัตต์ ส่งผลให้รถสามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 85 กิโลเมตร และเมื่อได้รับการชาร์จไฟผ่านการทำงานของเครื่องยนต์โรตารี่ ก็จะสามารถขยายระยะทางได้ไกลถึง 600 กิโลเมตร ตอบโจทย์ยุคเปลี่ยนผ่านจากพลังงานฟอสซิลสู่พลังงานไฟฟ้าได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ มาสด้ายังนำเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ไปพัฒนาต่อยอดในคอนเซ็ปต์คาร์ที่น่าจับตามอง อาทิ Mazda Iconic SP ที่เผยโฉมครั้งแรกในงาน Japan Mobility Show 2023 โดยมาพร้อมเครื่องยนต์โรตารี่แบบ 2 โรเตอร์ ซึ่งช่วยให้การจัดวางพื้นที่ห้องเครื่องยนต์ยืดหยุ่นขึ้น จุดศูนย์ถ่วงต่ำลง ส่งผลให้สมรรถนะการขับขี่ดีขึ้น ขณะที่ RX-VISION SKYACTIV-R ที่คว้ารางวัลรถยนต์ออกแบบยอดเยี่ยมจากอิตาลีนั้น ไม่เพียงสะท้อนวิสัยทัศน์แห่งอนาคตของมาสด้า แต่เครื่องยนต์โรตารี่ในรถยังสามารถรองรับเชื้อเพลิงได้หลากหลาย รวมถึงไฮโดรเจน พลังงานสะอาดแห่งอนาคต
การคิดค้นเทคโนโลยี e-Skyactiv R-EV ถือเป็นการปลุกชีพตำนานเครื่องยนต์โรตารี่ในรถสปอร์ตมาสด้ายุคอดีต ผนวกเข้ากับเทคโนโลยียานยนต์แห่งอนาคต เพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการสร้างสรรค์สังคมที่ดีขึ้นให้กับคนรุ่นต่อไป ตามปรัชญา “ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนเพื่อผู้คน สังคม และโลกของเรา” อันเป็น “Challenger Spirit” ที่สะท้อน DNA อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมาสด้ามาโดยตลอด
มาสด้า เดินหน้าพัฒนา e-Skyactiv R-EV เทคโนโลยีแห่งอนาคต ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน
