ชไนเดอร์ อิเล็คทริค รายงานผลประกอบการปี 2566 พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรไทยสู่ความยั่งยืนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI
นายมงคล ตั้งศิริวิช ประธาน ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ดูแลกลุ่มคลัสเตอร์ ประเทศไทย ลาว และเมียนมา เปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน ระบบออโตเมชั่น และความยั่งยืน มีรายได้ทั่วโลก 35,902 ล้านยูโร เติบโตขึ้น 13% จากปีก่อน โดยโซลูชั่นด้านความยั่งยืนของบริษัทสามารถช่วยลูกค้าทั่วโลกลดการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 112 ล้านตันในปีเดียว เทียบเท่าการดูดซับคาร์บอนของต้นไม้กว่า 11,200 ล้านต้น
จากผลสำรวจ Green Action Gap ซึ่งเก็บข้อมูลจากผู้บริหารองค์กรกว่า 4,500 รายใน 9 ประเทศ รวมถึง 500 องค์กรในไทย พบว่ากว่า 90% ขององค์กรในไทยตระหนักดีว่าดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของความยั่งยืน แต่มีเพียง 53% ที่ได้นำกลยุทธ์ความยั่งยืนไปปรับใช้อย่างชัดเจน ทำให้ยังมีช่องว่างที่ยังไม่ได้ดำเนินการถึง 45%
อย่างไรก็ดี หลายองค์กรมองว่าความยั่งยืนสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ (44%) ช่วยสร้างนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขัน (42%) และช่วยลดต้นทุน ประหยัด และให้ผลประโยชน์ทางการเงิน (38%)
ซไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งมั่นนำเสนอนวัตกรรมเพื่อสนับสนุนความยั่งยืน โดยเสริมพอร์ตโฟลิโอซอฟต์แวร์นอกเหนือจาก EcoStruxure เช่น AVEVA, IGE+XAO, ETAP สำหรับระบบไฟฟ้า และ RIB, Planon สำหรับอาคาร รวมถึงการนำ AI และ Machine Learning มาช่วยให้คำปรึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับพลังงานและความยั่งยืนแก่ลูกค้า
นอกจากนี้ ซไนเดอร์ อิเล็คทริค ในไทยยังได้ริเริ่มโครงการด้านความยั่งยืนอย่าง Green Heroes for life และแคมเปญ Impact Maker เพื่อผลักดันให้ทุกองค์กรร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโลกที่ยั่งยืนมากขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีที่มีอยู่มาปรับใช้อย่างจริงจัง เพื่อลดช่องว่างสีเขียว (Green Gap) โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน