เจ้าหน้าที่ตำรวจ แถลงการณ์ร่วมกับ AIS เผยผลปฏิบัติการ “หักขาแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติ” รวบแก๊งคอลเซนเตอร์ พร้อมของกลางอุปกรณ์ส่ง SMS หลอกลวง กลางห้างดังย่านสยาม
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. 67 ตำรวจกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (บก.สอท.3) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ AIS ปฏิบัติการจับกุมแก๊งคอลเซนเตอร์ข้ามชาติ ที่ใช้อุปกรณ์จำลองสถานี (False Base Station) ส่ง SMS หลอกลวงประชาชนกลางย่านศูนย์การค้าสยามพารากอน สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย ได้แก่ นายยิป อายุ 44 ปี สัญชาติจีน และ นายลี อายุ 26 ปี สัญชาติจีน โดยทั้งสองเป็นชาวฮ่องกง พร้อมของกลางหลายรายการ
จากการสอบสวน ทราบว่ากลุ่มมิจฉาชีพนำอุปกรณ์เครื่องจำลองสถานีส่งสัญญาณ ซึ่งไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานอย่างถูกต้อง โดยแอบอ้างเป็นเสาสัญญาณของเครือข่าย AIS เพื่อส่ง SMS หลอกลวงไปยังโทรศัพท์ของประชาชนในรัศมี 1 กม. SMS ที่ส่งมานั้นแจ้งว่าคะแนนสะสมของผู้ใช้งานกำลังจะหมดอายุ และล่อให้คลิกลิงก์เพื่อแลกคะแนน ซึ่งลิงก์ดังกล่าวจะนำไปสู่การโจรกรรมข้อมูลส่วนตัว
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาเพิ่งเดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อ 30 มี.ค. ที่ผ่านมาและพักอาศัยในกรุงเทพฯ จนกระทั่งถูกตำรวจและเจ้าหน้าที่ AIS ติดตามจนสามารถจับกุมได้ พร้อมยึดของกลางหลายรายการ อาทิ อุปกรณ์จำลองสถานี โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง และจักรยานยนต์ 1 คัน โดยถูกตั้งข้อหาหลายข้อหาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และอยู่ระหว่างสืบสวนขยายผล
เบื้องหลังการทำงานของ เจ้าหน้าที่รัฐ และ AIS ในการ รวบแก๊งคอลเซนเตอร์
นายวรุณเทพ วัชราภรณ์ หัวหน้าฝ่ายงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “จากกรณีปัญหามิจฉาชีพละเมิดการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของประชาชน ได้สร้างความเดือดร้อน รำคาญ ไปจนถึงความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคล มากขึ้นตามลำดับ อีกทั้งปัจจุบันมิจฉาชีพ ได้พลิกแพลงรูปแบบการละเมิดเพิ่มเติมขึ้น อย่างการส่ง SMS จากเครือข่ายปลอมด้วยอุปกรณ์ผิดกฎหมายไปยังมือถือประชาชน ที่เรียกว่า False Base Station (FBS) หรือ Fake Base Station โดยใช้ชื่อผู้ส่ง (Sender name) ปลอมแปลงในนามขององค์กรต่างๆ อาทิ ธนาคาร, บริการประเภทต่างๆ เพื่อหลอกให้ประชาชนที่ได้รับข้อความหลงเชื่อว่าเป็น SMS จากหน่วยงานนั้นๆ จริง และล่อลวงให้กดลิงก์, แอดไลน์ หรือ รูปแบบอื่น ๆ จนก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งทรัพย์สิน หรือ ข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่ง AIS ในฐานะผู้ให้บริการเครือข่าย ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติจากในระบบเครือข่าย และทีมวิศวกร ได้ร่วมทำงานกับฝ่ายความมั่นคงทุกฝ่ายอย่างเต็มกำลังมาอย่างต่อเนื่องในการเฝ้าดูและติดตามพฤติกรรมของมิจฉาชีพตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเทคโนโลยี Tracking & Monitoring จนสามารถคำนวณเส้นทางการเคลื่อนตัวอย่างละเอียดเพื่อค้นหาให้ถึงแหล่งกบดานของกลุ่มนี้ และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ภารกิจการทลายแก๊งมิจฉาชีพกลุ่มนี้สำเร็จลงได้”
พร้อมกันนี้ ทาง เอไอเอส ได้ออกมาเตือนประชาชนว่า หากได้รับ SMS ล่อให้คลิกลิงก์ แอดไลน์ หรือตอบกลับ อย่าหลงเชื่อ โดยเฉพาะอย่ายิ่งการให้ข้อมูลส่วนบุคคลสำคัญ เช่น เลขบัตรประชาชน เลขบัตรเครดิต ฯลฯ และแนะนำว่าหากพบการใช้งานผิดปกติสามารถแจ้ง AIS Spam Report Center ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อตรวจสอบและดำเนินการทางกฎหมาย