จะดีแค่ไหน ถ้าคุณสามารถพกโน้ตบุ๊กที่มีหน้าจอ 14 นิ้วถึง 2 จอให้พกไปใช้งานได้ทุกที่ พบกับ รีวิว ASUS Zenbook DUO OLED (2024) รุ่นใหม่ ที่ได้รับการออกแบบให้สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลายมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
ต้องบอกว่า Zenbook DUO ในปี 2024 นี้ มีความน่าสนใจมาก ตั้งแต่ที่ได้เห็นตอนเปิดตัวในงาน CES 2024 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทาง ASUS นั้นมีการพัฒนาโน้ตบุ๊กในฟอร์มแฟคเตอร์ 2 หน้าจอมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวของผมนั้นค่อนข้างประทับใจกับรุ่นของปีนี้ ทั้งเรื่องการออกแบบที่ลงตัว การปรับใช้งานได้หลายรูปแบบ รวมถึงประสิทธิภาพภายในที่ใช้โปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra พร้อมรองรับการทำงานด้าน AI และผ่านมาตรฐาน Intel Evo ที่มั่นใจได้เรื่องการใช้งานที่มีประสิทธิภาพ
สเปค ASUS Zenbook DUO OLED (2024) UX8406MA-PZ731WS
- ตัวเครื่องขนาด : 31.35 x 21.79 x 1.46 ~ 1.99 เซนติเมตร
- น้ำหนักเครื่อง : 1.65 กิโลกรัม (น้ำหนักคีย์บอร์ดประมาณ 300 กรัม)
- วัสดุ : แมกนีเซียมอัลลอยด์
- ตัวเครื่องสี Inkwell Gray
- ความทนทาน มาตรฐาน US MIL-STD 810H
- หน้าจอ Lumina OLED ขนาด 14 นิ้ว แบบสัมผัส 2 หน้าจอ
- ความละเอียด 3K (2880 x 1800)
- response time : 0.2ms
- อัตรารีเฟรชหน้าจอ : 120Hz
- ความสว่าง 400 nits (500nits สำหรับ HDR)
- ค่าความลึกของสี : 1.07 พันล้านสี
- Color gamut : 100% DCI-P3
- Contrast ratio : 1,000,000:1
- PANTONE Validated
- โปรเซสเซอร์ : Intel® Core™ Ultra 7 Processor 155H 1.4 GHz (24MB Cache, up to 4.8 GHz, 16 cores, 22 Threads)
- GPU : Intel® Arc™ Graphics
- ประมวลผลด้าน AI : Intel® AI Boost NPU
- RAM : 16GB LPDDR5X on board
- Storage : 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD
- กล้อง : FHD พร้อม IR รองรับ Windows Hello
- เชื่อมต่อไร้สาย : Wi-Fi 6E(802.11ax) (Dual band) 2*2 + Bluetooth® 5.3
- Touchpad แบบ Precision
- พอร์ตเชื่อมต่อ
- 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A
- 2x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery
- 1x HDMI 2.1 TMDS
- 1x 3.5mm Combo Audio Jack
- ระบบเสียง harman/kardon
- แบตเตอรี่ 75WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion
- AC Adaptor TYPE-C, 65W AC Adapter, Output: 20V DC, 3.25A, 65W, Input: 100-240V AC 50/60GHz universal
Unbox แกะกล่อง
ในแพ็กเกจของ ASUS Zenbook DUO (2024) ให้มาถือว่าครบเครื่องมากๆ เพราะนอกจากตัวเครื่องแล้ว ยังมีให้ของแถมมาแบบจุกๆ เลย โดยจะมีแถมตัว Sleeve ซองใส่เครื่องแบบนุ่ม เพื่อป้องกันตัวเครื่องเป็นรอย เวลาใส่ในกระเป๋าใบใหญ่ และยังมีแถมเป้สะพายสำหรับเอาไว้ใส่เครื่องมาให้ด้วย
พร้อมกันนี้ ยังมีแถมตัวปากกาสไตลัส ASUS Pen 2.0 สำหรับใช้งานเขียนบนหน้าจอ และแปะเก็บที่ด้านข้างของเครื่อง มีมาครบพร้อมให้ใช้งานโดยไม่ต้องไปซื้อเพิ่ม
อะแดปเตอร์ที่แถมมาให้นั้น ถูกใจมากๆ เป็นแบบ 65W Type-C ที่มีขนาดเล็กและเบามากๆ สามารถพกไปใช้งานได้ไม่หนักและไม่เกะกะ
การออกแบบ
รูปทรงของ ASUS Zenbook DUO ถ้ามองจากตอนที่พับเครื่องไว้ ก็ดูไม่ต่างอะไรจากโน้ตบุ๊กทั่วๆ ไป ตัวเครื่องจะมาในสี Inkwell Gray ที่เป็นสีเทาแบบด้าน บนฝาด้านนอกจะมีเส้นสายของโลโก้ ZenBook พาดอยู่แบบมินิมอล และที่มุมจะมีชื่อของ ASUS ZenBook อยู่
ด้านข้างของเครื่อง จะมีพอร์ตเชื่อมต่อและช่องระบายอากาศอยู่ทั้ง 2 ด้าน โดยทางด้านซ้าย จะมีพอร์ต USB Type-A (USB 3.2 Gen 1) ให้มา 1 ช่อง และมี USB Type-C (Thunderbolt 4) จำนวน 2 ช่อง สำหรับใช้เสียบอุปกรณ์, เสียบมอนิเตอร์ และใช้สำหรับเสียบอะแดปเตอร์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่
ส่วนทางด้านขวาของตัวเครื่อง จะมีช่องเสียบหูฟังแบบ Combo Audio Jack ขนาด 3.5 มิลลิเมตร และพอร์ต HDMI 2.1 แบบ Full size มาให้ด้วย
ด้านล่างของตัวเครื่อง จะมี Kick Stand ที่เป็นวัสดุโลหะแข็งแรง สามารถกางออกมาได้ 40-70 องศา เพื่อปรับมุมมองการวางเครื่องในแนวตั้งและแนวนอน
ระบบเสียงของลำโพงจะติดตั้งไว้ที่ด้านล่างของตัวเครื่องด้วยเช่นกัน เป็นระบบเสียง Smart Amplifier และ ASUS Audio Booster ที่ได้รับการรับรองจาก Harman Kardon และยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos อีกด้วย
ตัวเครื่องถือว่าออกแบบมาได้ลงตัว กับขนาด 31.35 x 21.79 x 1.46 ~ 1.99 เซนติเมตร และน้ำหนักรวมคีย์บอร์ดที่ 1.65 กิโลกรัม กับโน้ตบุ๊กที่มี 2 หน้าจอ ถือว่ามีขนาดที่เล็กในการพกพาและไม่หนักมากนัก
คีย์บอร์ดแบบไร้สายที่ถอดแยกได้
ความพิเศษในการออกแบบของ ASUS Zenbook DUO ปีนี้คือ ตัวแป้นคีย์บอร์ดนั้นทำออกมาเป็นขนาดเต็มพื้นที่ของตัวเครื่อง แล้ววางแปะทับตัวหน้าจอที่ 2 โดยการติดตั้งจะเป็นระบบแม่เหล็กที่มีความแน่นหนา และแกะแยกออกมาเพื่อทำงานเป็นคีย์บอร์ดไร้สายได้
โดยในตอนที่ประกอบติดกับตัวเครื่องนั้น จะเชื่อมต่อและทำงานผ่าน Pogo Pin ที่ใช้ชาร์จแบตเตอรี่ให้กับคีย์บอร์ดไปในตัว
เมื่อแกะแยกตัวคีย์บอร์ดออกมา ก็จะทำงานไร้สายผ่าน Bluetooth และที่ด้านข้างทางซ้ายของคีย์บอร์ดจะมีสวิตช์สำหรับเปิดปิดและพอร์ต USB-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่มาให้ด้วย
ตัวแป้นพิมพ์มีไฟ Backlit ช่วยให้ทำงานในเวลากลางคืนได้อย่างไม่มีปัญหา ขนาดแป้นพิมพ์จัดวางเรียงสำหรับการทำงานและพิมพ์ได้สะดวก ส่วนตัวทัชแพดเป็นแบบ Precision ที่มีขนาดใหญ่เต็มไม้เต็มมือดีมาก ช่วยให้เวลาควบคุมได้ง่ายและแม่นยำ
หน้าจอ ASUS Lumina OLED 14 นิ้ว 2 จอ!
มาดูในจุดที่โดดเด่นสุดในโน้ตบุ๊กรุ่นนี้ กับการใส่หน้าจอแบบสัมผัส ขนาด 14 นิ้วมาให้ 2 จอ ถ้าหากว่ากางออกแล้วเปิดโหมดให้รวมเป็นจอเดียวกัน จะได้หน้าจอขนาดถึง 19.8 นิ้วเลยทีเดียว
จอแสดงผลทั้ง 2 จอนั้นสเปคทุกอย่างจะเหมือนกัน โดยเป็นแบบ OLED ระบบสัมผัส ความละเอียด 3K (2880 x 1800) สัดส่วน 16:10 , response time 0.2ms, อัตรารีเฟรช 120Hz, ความสว่าง 400nits และส่วนสูงสุด 500nits สำหรับคอนเทนต์ที่เป็น HDR
ด้านการแสดงผลถือว่าเป็นหน้าจอในเกรดทีดี ด้วยการแสดงผลได้ 1.07 พันล้านสี, อัตราส่วนคอนทราสต์ 1,000,000:1, รองรับมาตรฐานการแสดงสี 100% DCI-P3 และ PANTONE Validated พรัอมกับมีคุณสมบัติด้านถนอมสายตามาให้ด้วยการลดปริมาณแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาได้ถึง 70%
ด้วยการที่มีหน้าจอ 2 จอ ทำให้ ASUS Zenbook DUO (2024) เลือกปรับโหมดการใช้งานที่หลากหลายมากๆ
- Laptop mode ก็คือใช้งาน 1 หน้าจอ และแปะติดคีย์บอร์ดบอร์ดเอาไว้ ก็คือใช้งานแบบปกติทั่วไป
- Sharing Mode กางหน้าจอ 180 องศา วางราบกับโต๊ะ สำหรับการแชร์หน้าจอกับผู้อื่นที่อยู่ฝั่งตรงข้าม โดยเมื่อเป็น 2 หน้าจอ ก็สามารถมองเห็นได้ทั้ง 2 ฝ่าย
- Dual Screen Mode แบบแยกคีย์บอร์ดไร้สาย ทำให้มีหน้าจอทำงาน 2 จอ
- Dual Screen Mode แบบใช้คีย์บอร์ดบนหน้าจอสัมผัส
- Desktop Mode เป็นการแยกคีย์บอร์ดออกมาใช้งานแบบไร้สาย แล้วพลิกเครื่องให้แสดง 2 หน้าจอเป็นแนวตั้ง ทำให้ได้พื้นที่จอใหญ่สุดถึง 19.8 นิ้ว
ประสิทธิภาพ
ASUS Zenbook DUO OLED (2024) จะมีตัวเลือกสเปกที่วางจำหน่ายในไทย 2 รุ่นด้วยกันคือ
- รหัส UX8406MA-PZ731WS ใช้โปรเซสเซอร์เป็น Intel® Core™ Ultra 7 Processor 155H 1.4 GHz (24MB Cache, up to 4.8 GHz, 16 cores, 22 Threads) แรม 16GB LPDDR5X พร้อม 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD
- รหัส UX8406MA-PZ937WS ใช้โปรเซสเซอร์เป็น Intel® Core™ Ultra 9 Processor 185H 2.3 GHz (24MB Cache, up to 5.1 GHz, 16 cores, 22 Threads) แรม 32GB LPDDR5X พร้อม 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 4.0 SSD
สำหรับ ASUS Zenbook DUO OLED (2024) เครื่องที่ทางทีมงานได้มาทดสอบ รีวิว จะเป็นรุ่นโปรเซสเซอร์ Intel Core Ultra 7 ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานในระดับที่น่าประทับใจ โดยเป็นโปรเซสเซอร์สำหรับแล็ปท็อปรุ่นใหม่ล่าสุดของทาง Intel ในปีนี้ ที่มี NPU (Neural Processing Unit) หน่วยประมวลผลด้าน AI ส่วนด้านกราฟิกใช้ GPU ที่เป็น Intel Arc
พร้อมกันนี้ตัวเครื่องยังได้รับการรับรองมาตรฐานของ Intel Evo ที่เน้นการให้ประสบการณ์ใช้งานในระดับสูงทั้งด้านการทำงาน ตัวเครื่องมีน้ำหนักเบา และประหยัดพลังงาน
ผลการทดสอบ Benchmark ด้านต่างๆ
ผลทดสอบ CPU-Z
ผลทดสอบ PCMark10
ความเร็วในการเขียนอ่าน SSD อยู่ในระดับที่ค่อนข้างเร็ว รองรับการทำงานที่ต้องถ่ายโอนข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว อย่างเช่นการตัดต่อวิดีโอได้อย่างสบายๆ
ผลทดสอบ GPU-Z
คะแนน GeekBench6
แบตเตอรี่ให้มา 75Wh จากที่ทดสอบใช้งาน สามารถใช้งานแบบเต็มที่ได้ราวๆ 5-6 ชั่วโมง (แบบเปิด 2 หน้าจอ) แต่ถ้าใช้โหมดแล็ปท็อปก็จะได้เกือบๆ 7 ชั่วโมง ส่วนตัวแนะนำว่าพกอะแดปเตอร์ชาร์จไปด้วยเพื่อความอุ่นใจ เพราะว่ามีระบบชาร์จเร็วที่ชาร์จเพียง 49 นาทีก็สามารถชาร์จได้ถึง 60% และตัวอะแดปเตอร์ 65W ที่ให้มาก็มีขนาดเล็กน้ำหนักเบาพกพาได้สะดวก
กล้องของ Zenbook DUO OLED ความละเอียดระดับ FHD ที่มีระบบ IR ทำงานร่วมกับ Windows Hello สำหรับการปลดล็อคเครื่องผ่านการสแกนใบหน้าได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ซึ่งเราแนะนำให้คุณเปิดใช้ เพราะว่าในรุ่นนี้ไม่มีระบบสแกนลายนิ้วมือเพื่อปลดล็อคเครื่อง ส่วนความละเอียดของกล้องนั้นถือว่าสวยงามคมชัดสำหรับการใช้งานประชุมออนไลน์ ที่มีฟีเจอร์ AI ทั้งการปรับภาพ และปรับเฟรมให้ผู้ใช้อยู่ตรงกลางให้ รวมถึงระบบไมโครโฟนภายในตัวก็มี AI ในการช่วยตัดเสียงรบกวนในการสนทนา เพื่อให้ได้เสียงพูดในการประชุมออนไลน์ชัดเจน
ปากกาสไตลัส ASUS Pen 2.0 เป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มในการใช้งานเขียนและสั่งงานผ่านหน้าจอ ตั้งแต่การจดบันทึกไปจนถึงการวาดภาพ เมื่อใช้งานร่วมงานกับหน้าจอสัมผัส 14 นิ้ว 2 จอ ทำให้ได้ประสบการณ์ทำงานแบบแท็บเล็ตที่มีพื้นที่กว้างขวางสุดๆ
ตัวปากการองรับแรงกดได้ถึง 4096 ระดับ และมีความหน่วงที่ค่อนข้างน้อย จึงทำให้การใช้งานสำหรับการวาดภาพสามารถควบคุมได้ใกล้เคียงกับการเขียนบนกระดาษจริง รวมถึงยังมีปุ่มคำสั่งลัดบนปากกา ทำให้ใช้งานได้สะดวกมากขึ้น
ตัวปากกาใช้การชาร์จแบบเสียบพอร์ต USB-C ที่ซ่อนไว้ในตัวด้ามปากกา ไม่มีระบบชาร์จแบบไร้สายมาให้นะ แต่สามารถเอาไปแปะติดกับแม่เหล็กด้านข้างของเครื่องได้
สรุป รีวิว ASUS Zenbook DUO OLED (2024) มี 2 หน้าจอแล้วดียังไง?
ต้องบอกว่า การที่ ASUS Zenbook DUO OLED (2024) ทำออกมาเป็นลักษณะหน้าจอ 14 นิ้ว แยกกัน 2 จอ ขนาดเท่ากัน แล้วตัวคีย์บอร์ดแยกออกมาเป็นแบบไร้สายได้ ถือว่าลงตัวมากๆ สำหรับการทำงานพร้อมกันหลายโปรแกรม
อย่างส่วนตัวผมเป็นคนที่ใช้งานแบบ 2 หน้าจอเป็นประจำ เพราะต้องเปิดหลายโปรแกรมพร้อมๆ กัน อย่างเช่นเปิด Lightroom สำหรับการปรับแต่งภาพ และเปิดเว็บเบราวเซอร์สำหรับการทำงานออนไลน์ การจะสลับเป็นหน้าจอนั้น สู้การเปิด 2 โปรแกรมแยกบน 2 หน้าจอไม่ได้
แล้วการใช้งานนอกสถานที่ จะเอาพกโน้ตบุ๊กแล้วแบก External Display ไปด้วยก็ไม่ใช่สิ่งที่สะดวกทั้งการพกพาหรือการไปกางใช้งานในสถานที่ต่างๆ แต่ ASUS Zenbook DUO OLED (2024) สามารถทำได้!
ผมนั้นชอบมากกับ Dual Screen Mode แบบถอดคีย์บอร์ดออกมาใช้งานแบบไร้สาย แล้วกาง Kick Stand ตั้งหน้าจอเป็นแนวนอน 2 จอ วางกับโต๊ะ แล้วเอาคีย์บอร์ดวางตักสำหรับทำงาน รูปแบบนี้ใช้พื้นที่บนโต๊ะแทบไม่ต่างจากแล็ปท็อปทั่วไป คุณสามารถกางเป็น 2 จอแล้วนั่งทำงานในร้านกาแฟหรือ Co-Working ได้อย่างไม่เคอะเขินแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ASUS จัดตัวซอฟต์แวร์ ScreenXpert สำหรับการใช้ควบคุมและให้ประสบการณ์ใช้โน้ตบุ๊กแบบ 2 หน้าจอ ออกมาได้อย่างเรียบเนียนไม่มีติดขัด โดยตัวซอฟต์แวร์เราเลือกเปิดเป็นปุ่มลอยที่มุมขวาล่างของหน้าจอบนได้ เมื่อแตะแล้วจะเลือกปรับแต่งการใช้งานต่างๆ ทั้งการปิดการใช้งานแป้นคีย์บอร์ดเปลี่ยนมาใช้เป็นแบบ On-Screen , เช็คแบตเตอรี่ของคีย์บอร์ดไร้สาย, ปิดหน้าจอล่าง, การแสดงผล, ล็อคหน้าจอ ฯลฯ
การทำงานสามารถเลือกแบ่งแยกทำงาน 2 จอ โดยเลือกแบ่งเปิดหลายๆ โปรแกรมพร้อมกันแล้วจัดเลย์เอาท์ให้ใช้งานได้อย่างรวดเร็ว หรือจะเลือกปรับรวมให้ 2 หน้าจอเป็นจอขนาดใหญ่จอเดียวก็ได้ ช่วยให้เราปรับรูปแบบของหน้าจอในการทำงานได้อย่างที่ต้องการ
เราสามารถปรับเลย์เอาท์หน้าจอเพื่อการทำงานที่สะดวกในแต่ละโปรแกรม อย่างเช่นการทำงานกราฟิคบน Photoshop สามารถใช้จอบนเป็นจอหลัก และใช้จอที่ 2 เป็นส่วนของเครื่องมือลัดต่างๆ หรือถ้างานตัดต่อ จะสะดวกมากๆ เพราะสามารถปรับให้จอบนเป็นจอแสดงผลหลัก ส่วนเครื่องมือและ Timeline ต่างๆ มาเลือก edit แยกที่จอด้านล่าง
ประสิทธิภาพของเครื่อง ASUS Zenbook DUO OLED (2024) รุ่นที่เราได้ทดสอบ รีวิว ที่เป็น Intel Core Ultra 7 ถือว่าอยู่ในระดับที่ไว้ใจได้กับการทำงานทั่วไปได้อย่างรวดเร็ว เปิดหลายโปรแกรมทำงานพร้อมกันได้อย่างไม่มีปัญหากับ RAM 16GB ส่วนการ์ดจอที่เป็น Intel Arc สำหรับการทำงานกราฟิก Photoshop, Lightroom สำหรับงานเว็บจัดการได้อย่างหายห่วง ส่วนการตัดต่อนั้น ถ้าเป็นระดับงานคลิปวิดีโอ 1080p ทั่วไปไม่มีปัญหาใดๆ
สำหรับการเล่นเกม ส่วนตัวมองว่าตัวเครื่องไม่ได้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานด้านเกมมิ่งเป็นหลัก แต่สเปคของเครื่องก็ยังสามารถเล่นเกมกราฟิกระดับสูงได้ แต่อาจจะไม่ได้เปิดความละเอียดที่สูงมาก หรือเล่นเกมเป็นเรื่องรองก็ถือว่ายังได้อยู่ แต่ถ้าใครเป็นสายฮาร์ดคอร์ อาจจะตึงมือเกินไปหน่อย
ถ้าถามว่า ASUS Zenbook DUO OLED (2024) เหมาะสำหรับใคร ผมแนะนำเลยสำหรับคนทำงานสายคอนเทนต์ครีเอเตอร์ที่ต้องการความคล่องตัว ที่พร้อมสำหรับการทำงานแบบจริงจังได้ทุกที่ โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบการทำงานหลายหน้าจอเพื่อความ Productivity มากกว่าทำงานสลับบนจอเดียว นี่คือสวรรค์ในการทำงานโดยมีพื้นที่หน้าจอเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือถ้าจะทำงานที่บ้าน ก็ยังต่ออกจอนอกได้อีก 2 จอ เรียกได้ว่าน่าจะถูกใจทั้งคนตัดต่อวิดีโอ, ทำงานกราฟฟิค, เขียนโปรแกรม, ทำบัญชี ฯลฯ
สำหรับราคาของ ASUS Zenbook DUO OLED (2024) ในรุ่น Intel Core Ultra 7 (RAM 16GB 1TB SSD) ราคา 65,990 บาท ส่วนรุ่น Intel Core Ultra 9 (RAM 32GB 1TB SSD) ราคา 69,990 บาท สำหรับผมหลังจากที่ลองใช้งานแล้ว แนะนำว่าจัดเต็มไปรุ่น Intel Core Ultra 9 ไปเลย กับราคาที่ต่างกันเพียง 4,000 บาท ได้โปรเซสเซอร์ที่แรงกว่า และ RAM 32GB เหมาะสำหรับการทำงานกราฟิกหนักๆ ได้สบาย
ASUS Zenbook DUO OLED (2024) มาพร้อม Windows 11 Home และ Microsoft Office Home and Student 2021 included พร้อมใช้งาน และ บริการหลังการขายใหม่ ‘4A Guarantee’ ที่พร้อมดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดด้วยมาตรฐาน 4A (Assured Quality, Always-On Support, All-around Coverage และ Added-Value Experience) นำเสนอที่สุดของการบริการทั้งสี่ด้าน ตั้งแต่คุณภาพสินค้าที่วางใจได้ ผ่านมาตรฐานกองทัพสหรัฐอเมริกา, บริการ Call Center ตลอด 7 วัน ตั้งแต่เวลา 8:30-24:00 น., สามารถรับบริการได้ครอบคลุมกว่า 80 ประเทศทั่วโลก 3 ปี, บริการซ่อมถึงที่สูงสุด 3 ปี (On-Site Service) และประกันอุบัติเหตุ 1 ปีแรก (Perfect Warranty)
สามารถดูรายละเอียดสินค้าและช่องทางการจำหน่ายได้ที่ www.asus.com
ASUS Zenbook DUO OLED (2024)
โน้ตบุ๊กหน้าจอคู่ที่น่าใช้ที่สุด
ให้คุณสามารถทำงานได้ 2 หน้าจอพร้อมกัน ได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบโจทย์การทำงาน Work from Everywhere สายครีเอเตอร์ที่ต้องการพร้อมทำงานได้ทุกที่ ทั้งงานคอนเทนต์ ตัดต่อ แต่งภาพ พกเครื่องเดียวทำงานได้สะดวกสุดๆ