รัฐบาล สหรัฐฯ โดยประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศขยายขอบเขตการเก็บ ภาษีนำเข้า สินค้าจากจีนหลายรายการ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่มีการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากเดิม 25% เป็น 100% หรือเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศและแรงงานสหรัฐฯ
การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน ซึ่งเดิมทีมีราคาที่สามารถแข่งขันได้แม้จะมีภาษีนำเข้า 25% แต่การเพิ่มภาษีเป็น 100% จะทำให้ราคาขายในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าจีนอาจสูญเสียความได้เปรียบด้านราคาและเป็นอุปสรรคต่อการเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ
ปัจจุบัน รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่จำหน่ายในสหรัฐฯ มีเพียง 2 รุ่น คือ Polestar 2 EV และ Volvo S90 Recharge Plug-in Hybrid ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นของ Geely แต่มีสำนักงานใหญ่ในสวีเดนและโรงงานผลิตในหลายประเทศทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ ยังส่งผลกระทบต่อรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ ที่กำลังจะเปิดตัว เช่น Volvo EX30 ที่อาจมีราคาสูงถึง 54,000 เหรียญสหรัฐฯ หากยังคงผลิตในจีน ซึ่งอาจทำให้ Volvo ต้องพิจารณาการย้ายฐานการผลิต เช่นเดียวกับ BYD ที่กำลังมองหาลู่ทางเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ
การตัดสินใจของรัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับการตอบรับทั้งในแง่บวกและลบ โดยสมาคมการค้าการผลิตในประเทศและกลุ่มแรงงานแสดงความเห็นด้วย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มผู้บริโภค และผู้ผลิตต่างชาติแสดงความกังวล
ทางด้านจีน กระทรวงพาณิชย์ได้แสดงท่าทีไม่พอใจต่อการปรับขึ้นภาษีครั้งนี้ และเตรียมดำเนินมาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเอง ซึ่งอาจรวมถึงการฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก หรือการเรียกเก็บภาษีตอบโต้สินค้าจากสหรัฐฯ
การปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจีนครั้งนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าโลก และอาจนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ข้อมูลจาก Electrek