รีวิว OPPO Reno12 5G สมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดในซีรีส์ Reno ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ AI อันล้ำสมัย ดีไซน์สวยงาม และประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ รุ่นนี้มุ่งเน้นการนำเสนอประสบการณ์การใช้งาน AI ที่ล้ำสมัย ให้เข้าถึงผู้ใช้ได้ง่ายในราคาระดับกลาง พร้อมกับรักษาจุดแข็งด้านการถ่ายภาพและดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ Reno เอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม
เข้าสู่ช่วงกลางปี ก็ได้เวลาสำหรับสมาร์ตโฟน Reno Series จาก OPPO รุ่นใหม่ หลังจากเปิดตัว OPPO Reno12 Series 5G ในจีนไปเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ล่าสุดก็มาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะเข้ามาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ OPPO Reno12 5G, OPPO Reno12 Pro 5G และ OPPO Reno12 F 5G
สำหรับวันนี้ ทีมงาน TechOffside จะมา รีวิว กับตัวของ OPPO Reno12 5G โดยจะเป็นประสบการณ์หลังทดลองใช้งานมาประมาณ 1 สัปดาห์ ต้องบอกว่า เสน่ห์ความเป็น Reno Series มีมาแบบครบถ้วน ทั้งเรื่องของดีไซน์ที่สวยงาม บางเบา กล้องที่ถ่ายรูปพอร์ตเทรตได้สวยงาม เสริมด้วยการใช้งานเชื่อมต่อสัญญาณได้ดีไม่มีสะดุด
ที่สำคัญกับการนำเอาความสามารถด้าน Generative AI มาใส่ให้กับสมาร์ทโฟนรุ่นระดับกลาง ที่ตอนนี้ในตลาดจะมีเฉพาะในรุ่นเรือธงที่มีราคาสูงเท่านั้น เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและความสามารถที่ให้มา ก็ใช้งานได้ดีจนน่าทึ่ง ทำให้ประสบการณ์ใช้งานสมาร์ตโฟน มีความสร้างสรรค์และทำสิ่งใหม่ต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน
ก่อนจะเริ่ม รีวิว ผมขอสรุปตัวสเปคข้อมูลด้านเทคนิคทั้งหมดของ OPPO Reno12 5G กันก่อนนะครับ
ข้อมูล สเปค OPPO Reno12 5G
- ดีไซน์ตัวเครื่อง
- ขนาด 161.4 x 74.1 x 7.6 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 177 กรัม
- กันน้ำกันฝุ่น IP65
- หน้าจอ
- 6.7 นิ้ว 120Hz 3D Screen
- สัดส่วนหน้าจอ 20:9
- ความละเอียด FHD+ (2412 × 1080) 394 PPI
- รีเฟรชจอแบบไดนามิค 60/90/120Hz
- ความสว่าง 600 nits (typical), 1200 nits (ใช้งานกลางแจ้ง)
- HDR10 / HDR10+
- กระจก Corning Gorilla Glass 7i
- ประสิทธิภาพ
- MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno
- TSMC 4nm
- CPU: Octa-core with a maximum frequency of 2.5 GHz
- GPU: Arm Mail-G615
- ระบบปฏิบัติการ ColorOS 14.1 บนพื้นฐาน Android 14
- RAM 12GB LPDDR5x รองรับ RAM Expansion สูงสุด 12GB
- ROM 256GB UFS 3.1
- ระบบความบลอดภัย
- สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ (In-display fingerprint sensing)
- ปลดล็อคด้วยใบหน้า
- แบตเตอรี่และการชาร์จ
- ความจุ 5000mAh
- ชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
- กล้องหน้า
- 32MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/3.1ʺ
- ระยะ 21mm รูรับแสง ƒ/2.0 PDAF
- กล้องหลัง 3 ตัวพร้อมไฟแฟลช LED
- กล้องหลัก 50MP OIS
- เซ็นเซอร์ Sony LYT600 ขนาด 1/1.95ʺ
- ระยะ 26mm รูรับแสง ƒ/1.8
- All Pixel Omni-Directional PDAF
- กล้อง Ultra-wide 8MP
- เซ็นเซอร์ Sony IMX355
- มุมมองกว้าง 112 องศา
- ระยะ 16mm รูรับแสง ƒ/2.2
- กล้องมาโคร 2MP
- เซ็นเซอร์ OV02B10
- ระยะโฟกัส 4 เซนติเมตร
- กล้องหลัก 50MP OIS
- พอร์ตและการเชื่อมต่อ
- Dual Nano SIM
- เพิ่ม microSD ได้สูงสุด 1TB
- 360° NFC
- Bluetooth 5.4
- IR Blaster
- เครือข่าย 5G / 4G
- HSR mode and elevator mode
- SLA polymorphic network acceleration
- Wi-Fi 6
แกะกล่อง Unbox
แพ็กเกจของ OPPO Reno12 5G ยังคงเป็นแบบเรียบง่าย ที่ตัวกล่องจะเป็นสีเทา ตัวหนังสือบนกล่องจะเป็นสีดำ โดยจะมีแทบสีเงาแบบเมทัลลิกอยู่บนหน้ากล่อง มีจุดเด่นที่ต้องสังเกตคือคำว่า “OPPO AI Phone” เป็นการประกาศศักดาการเข้าสู่ยุค AI ของแบรนดออปโป้อย่างเป็นทางการแล้วในรุ่นนี้
ภายในกล่องจะมีเอกสารคู่มือการใช้งานเบื้องต้น, การรับประกัน รวมถึงเข็มจิ้มถาดซิมมาให้
เคสกันรอยมีแถมมาให้ด้วยเช่นกัน แล้วดีไซน์ในรุ่นนี้มีความสวยโดนใจมาก โดยจะเป็นลอนที่ด้านหลัง เมื่อสวมกับเครื่องแล้วดูมีสไตล์ คล้ายๆ กับกระเป๋าเดินทาง เก๋ดีครับ
ด้านล่างสุดของกล่อง จะมีอุปกรณ์สำหรับชาร์จ ประกอบด้วยสายชาร์จแบบ USB-A to USB-C และอะแดปเตอร์ชาร์จ รองรับมาตรฐาน 80W SUPERVOOC
ครั้งแรกกับ Generative AI เต็มรูปแบบ บน OPPO Reno
OPPO Reno12 5G มาพร้อมกับฟีเจอร์ Generative AI ที่ฝังอยู่ในระบบของเครื่อง เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่จะมอบประสบการณ์ใช้งานที่สร้างสรรค์และปรับแต่งคอนเทนต์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างน่าทึ่ง
ยางลบ AI 2.0
ยางลบมหัศจรรย์ ได้รับการอัปเกรดให้ทรงพลังและทำงานแม่นยำยิ่งขึ้น ช่วยให้การแก้ไขภาพถ่ายเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นมือสมัครเล่นหรือช่างภาพมืออาชีพ
ด้วยการฝึกฝนจากภาพกว่าพันล้านรูปโดยใช้ Diffusion Model ทำให้ ยางลบ AI 2.0 สามารถจดจำและลบวัตถุได้อย่างแม่นยำสูงถึง 98% ครอบคลุมวัตถุแทบทุกประเภทที่คุณอาจพบเจอในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นคน สิ่งของ หรือสิ่งรบกวนอื่นๆ ในภาพ และยังเพิ่มความสามารถในการลบพื้นที่ขนาดใหญ่ในรูปภาพ ทำให้คุณมีอิสระมากขึ้นในการปรับแต่งภาพตามต้องการ
นอกจากนี้ ยังเพิ่มฟีเจอร์สำหรับการลบคนที่ไม่ต้องการออกจากภาพ ทำได้อย่างรวดเร็ว เพียงแตะครั้งเดียว ระบบจะสแกนและระบุตัวบุคคลที่อยู่ในรูปภาพทั้งหมดให้อัตโนมัติ ช่วยให้คุณลบคนที่ยืนเกะกะอยู่ด้านข้างหรือด้านหลังได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเลือกด้วยตนเอง
อธิบายกระบวนการทำงานของ ยางลบ AI 2.0 นั้นใช้การประมวลผลแบบไฮบริด โดยส่วนของภาพที่ต้องการแก้ไขจะถูกอัปโหลดไปยังคลาวด์เพื่อประมวลผล และเพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ จะมีการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อความปลอดภัยของข้อมูล และเมื่อประมวลผลเสร็จสิ้น ข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบออกจากเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ทันที
จากที่เราได้ทดสอบลองใช้งานแล้ว ต้องบอกว่า น้องยางลบ AI 2.0 นั้นเก่งขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ตั้งแต่การเลือกลบวัตถุด้วยการวงเลือก แล้วเพิ่มการสแกนเลือกคนทั้งหมดที่อยู่ในภาพ ก็ช่วยให้จัดการคนที่ไม่ต้องการทั้งหมดออกไปได้ในรวดเดียว
และการลบแล้วรีทัชแต่งทับสิ่งที่หายไป ก็ทำได้เนียนมากๆ ระบบสามารถสร้างภาพที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมรอบข้างได้อย่างเหมาะเจาะ และการลบวัตถุขนาดใหญ่ การสร้างสิ่งใหม่มาทดแทนก็ได้ดี
ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นนี้ ยางลบ AI 2.0 จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลอะไรกับการถ่ายภาพ ว่าจะมีคนเดินเกะกะอยู่ด้านหลัง เสาไฟฟ้าที่บดบังทิวทัศน์ ถังขยะ ข้าวของที่วางรก หรือวัตถุอื่นๆ ที่ไม่ต้องการ คุณสามารถถ่ายแล้วมาจัดการเคลียร์ให้เหลือแต่ภาพของบุคคลเด่นๆ คนเดียวได้อย่างง่ายดาย หรือจะไอเดียบรรเจิด อย่างถ่ายรูปยืนบนเก้าอี้ แล้วใช้ AI ลบเก้าอี้ออก ให้เหมือนคุณลอยอยู่กลางอากาศก็ทำได้เช่นกัน เชื่อว่าใครที่ซื้อ OPPO Reno12 5G เชื่อเลยว่าจะชอบและสนุกกับฟีเจอร์นี้
ตัวอย่างภาพก่อนและหลังใช้ฟีเจอร์ ยางลบ AI 2.0 ลบคนออกจากภาพ
AI Clear Face
เป็นการใช้ Gen AI มาช่วยจัดการภาพถ่ายภาพหมู่ ออกแบบมาช่วยในการปรับแต่งใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในภาพให้สวยงาม คมชัด อย่างเป็นธรรมชาติ โดยความสามารถนี้รองรับการถ่ายภาพหมู่ตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (ไม่เกิน 10 คน)
วิธีการทำงานของ AI Clear Face ระบบจะสแกนระบุตำแหน่งและลักษณะของใบหน้า เช่น โครงหน้า ผิว ตา จมูก ปาก ผม และคิ้ว ของทุกคนที่อยู่ในภาพ จากนั้น AI จะปรับแต่งแต่ละส่วนอย่างละเอียด โดยคำนึงถึงความสมดุลและความเป็นธรรมชาติ แล้วสุดท้ายจะนำไปรวมกับภาพต้นฉบับได้อย่างกลมกลื่น
กระบวนการทำงานจะประมวลผลบนเครื่อง ใช้เวลารวดเร็วเพียง 1.5 วินาที ทำให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ต และด้วยการทำงานบนอุปกรณ์จึงไม่ต้องกังวลในเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล
รูปหมู่ที่จะใช้งานฟีเจอร์ AI Clear Face ได้ จะใช้ได้กับถ่ายภาพกลุ่มด้วยกล้องหน้า ในโหมดของ Photo รวมถึงรูปอื่นๆ ที่มีบุคคลตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป ก็สามารถใช้ได้
AI Best Face
เป็นฟีเจอร์ที่น่าทึ่งสำหรับการถ่ายภาพหมู่ ที่จะมาแก้ปัญหาโลกแตกที่มักจะเจอกันบ่อยๆ คือ นับ 1 2 3 กดถ่าย ปรากฎว่า บางคนหลับตา หรือทำสีหน้าแปลกๆ แล้ว AI Best Face จะมาแก้ปัญหานี้ให้คุณ
หากคุณถ่ายภาพหมู่มาแล้วเจอปัญหาอย่างที่กล่าวไป ก็ไม่จำเป็นต้องลบทิ้ง ให้ใช้ฟีเจอร์ AI Best Face แก้ไขได้ โดยการทำงาน AI จะสแกนและวิเคราะห์ใบหน้าของทุกคนในภาพ เพื่อดูว่าคนไหนกระพริบตา หลับตา หรือทำสีหน้าที่ดูไม่โอเค
AI จะทำการสร้างภาพเวอร์ชันที่แก้ไขข้อบกพร่องของแต่ละใบหน้า โดยอ้างอิงจากฐานข้อมูลภาพขนาดใหญ่ เพื่อให้ได้ภาพที่ทุกคนในภาพ ลืมตามองกล้อง และสีหน้าที่ดูดีอย่างเป็นธรรมชาติ
ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากๆ จะช่วยประหยัดเวลาในการถ่ายภาพหมู่ที่ไม่ต้องถ่ายซ้ำถ่ายซ่อมหลายๆ รอบ แล้วคนที่ถูกถ่ายก็ไม่ต้องเกรงต้องเครียดที่จะต้องโพสต์ท่าให้หน้าดูดีตลอดเวลา โดยที่ฟีเจอร์นี้จะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการช่วงปลายเดือนสิงหาคม
AI Studio
เป็นการเอา Gen AI มาใช้สร้างภาพอวตารจากรูปของเรา โดยในแอปจะมี Template ให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นภาพพอร์ตเทรต ภาพวาด ภาพตัวการ์ตูน ฯลฯ โดยจะมีธีมการแต่งตัวหลากหลายสไตล์ ทั้งชุดสูท เจ้าหญิง เด็กนักเรียน คาวบอย ไซเบอร์พังก์ เที่ยวทะเล ฯลฯ
การใช้งานก็ง่ายๆ แค่เลือกรูปภาพถ่ายที่เห็นใบหน้าที่ชัดเจนเพื่อใช้เป็นต้นแบบ จากนั้นก็เลือกสไตล์ที่ต้องการ ระบบจะทำงานประมวลผลผ่านคลาวด์โดยจะมีจำกัดเครดิตในการใช้งาน
เมื่อประมวลผลเรียบร้อย ก็จะมีภาพให้เลือก 4 ตัวอย่าง เราก็สามารถดาวน์โหลดภาพเพื่อเอาไปใช้งานเป็นภาพโปรไฟล์เก๋ๆ ได้แล้ว ถือว่าเป็นฟีเจอร์ Gen AI ขั้นสูงที่หาไม่ได้ในสมาร์ตโฟนราคาระดับกลางในขณะนี้ แต่ใน OPPO Reno12 5G มีมาให้ใช้แล้ว
ตัวอย่างภาพที่สร้างด้วยฟีเจอร์ AI Studio
AI Toolbox
ฟีเจอร์ด้าน AI ที่ขับเคลื่อนด้วย Google Gemini เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ตโฟนของคุณ AI Toolbox ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของคุณและแนะนำฟีเจอร์ AI ที่เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์
การทำงานเพียงแค่ปัดเรียก Smart Sidebar ที่ซ่อนอยู่ทางขวาออกมา ก็จะมีเครื่องมือ AI ให้ใช้งาน โดยจะมีฟีเจอร์ต่างๆ ดังนี้
AI Writer สำหรับเวลาที่จะพิมพ์ข้อความหรือโพสต์บนโซเชียล เราสามารถพิมพ์เนื้อหาลงไป แล้วเลือกอารมณ์ในการสื่อสารได้ว่าจะเป็นแบบไหน แบบทางการ, สนุกสนาน, อารมณขัน ฯลฯ ระบบ AI จะทำการรีไรท์ข้อความให้ใหม่
AI Speak และ AI Summary เมื่อคุณเข้าแอปเว็บเบราว์เซอร์ ที่มีเนื้อหายาวๆ สามารถเรียกคำนี้ออกมาเพื่อทำการสรุปเนื้อหาทั้งหมดให้เป็นประเด็นสำคัญสั้นๆ เพื่อให้ทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็วและง่ายขึ้น
แต่สำหรับในตอนที่เราทดสอบใช้งาน ฟีเจอร์นี้ยังไม่รองรับภาษาไทย ใช้ได้เฉพาะภาษาอังกฤษ, จีน และฮินดี เท่านั้น ซึ่งจะต้องรอการอัปเดตรองรับในอนาคต
AI Recording Summary
ความสามารถด้าน AI ใหม่ ที่ช่วยจัดการกับไฟล์เสียงการประชุม โดยใช้ความสามารถของ Google Gemini Ultra ที่จะแปลงเสียงพูดให้เป็นข้อความ และสรุปใจความสำคัญให้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
โดยความสามารถหลักของ AI Recording Summary คือ แปลงเสียงเป็นข้อความ, สรุปเนื้อหาให้อัตโนมัติ, จัดระเบียบข้อมูล, ทำงานร่วมกับแอปอื่นๆ
เป็นความสามารถที่ช่วยลดเวลาจากการประชุม, จดเล็คเชอร์ในการเรียน หรือการสัมภาษณ์ ให้ถอดเทปออกมาเป็นข้อความได้อย่างรวดเร็ว แต่ว่าตอนนี้ยังไม่รองรับภาษาไทย ซึ่งจะต้องรอการอัปเดตในอนาคตต่อไป
ออกแบบดีไซน์ที่สวยงาม เพรียวบาง และทนทาน
OPPO Reno 12 5G มาพร้อมดีไซน์สวยงามทันสมัย ตัวเครื่องบางเพียง 7.6 มม. และเบาเพียง 177 กรัม ใช้วัสดุคุณภาพสูงอย่างกรอบโลหะผสมทนทานสูงเกรดการบิน ที่ให้ความแข็งแกร่งเทียบเท่าโลหะแต่มีน้ำหนักเบากว่า ด้านหน้าและหลังปกป้องด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i ที่แข็งแกร่งทนทาน ต้านทานรอยขีดข่วนและการตกกระแทกได้ดีเยี่ยม โดยดีไซน์ของฝาหลังมีให้เลือกถึง 3 สี ด้วยกันคือ
Astro Silver ได้แรงบันดาลใจมาจากยานอวกาศ นำเสนอโทนสีเงินเมทัลลิคด้านที่ดูทันสมัยเรียบหรู สะอาดตา ใช้เทคนิคพารัลแลกซ์สร้างลวดลายริ้วคลื่นบนพื้นผิวเรียบ ทำให้เกิดภาพ 3 มิติที่เปลี่ยนแปลงตามมุมมอง
Sunset Pink นำเสนอโทนสีชมพูอ่อนที่สดใสและอบอุ่น ที่เป็นสีแห่งปี 2024 อย่าง Peach Fuzz สะท้อนบรรยากาศของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตก ไล่เฉดสีแบบ gradient ใช้กระบวนการกราฟิกคริสตัลเหลวของ OPPO
Matte Brown สีน้ำตาลเข้มผิวสัมผัสแบบด้าน ให้สัมผัสที่นุ่มนวลป้องกันรอยนิ้วมือ ทำให้เวลาจับถือใช้งาน
หน้าจอโค้ง 3D ไร้ขอบ
OPPO Reno12 5G โดดเด่นด้วยหน้าจอโค้ง 3D ไร้ขอบขนาด 6.7 นิ้ว ที่มีขอบจอบางเพียง 1.34 มม. และเทคโนโลยี AMOLED ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ให้ภาพที่คมชัด สีสันสดใส และมีมิติ รองรับ HDR10 และ HDR10+ เพื่อการแสดงผลที่สมจริงยิ่งขึ้น อัตรารีเฟรชแบบไดนามิกที่ปรับเปลี่ยนระหว่าง 60, 90 และ 120Hz ช่วยให้การเลื่อนหน้าจอลื่นไหลและประหยัดพลังงาน
ความสว่างของหน้าจอสามารถปรับได้สูงสุดถึง 1200 nits ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในสภาพแสงจ้ากลางแจ้ง นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ปกป้องดวงตาด้วยฮาร์ดแวร์แสดงแสงสีฟ้าต่ำและการลดแสง PWM ความถี่สูง 2160Hz ช่วยลดอาการล้าตาจากการใช้งานเป็นเวลานาน โหมดเวลานอน (Bedtime Mode) ปรับอุณหภูมิสีของหน้าจอตลอดทั้งวัน ช่วยลดผลกระทบต่อการนอนหลับ
ด้านความทนทาน หน้าจอได้รับการปกป้องด้วย Corning Gorilla Glass 7i ทนทานต่อรอยขีดข่วนและการกระแทก ระบบการเพิ่มประสิทธิภาพการสัมผัสแบบหลายมิติช่วยลดการสัมผัสโดยไม่ตั้งใจที่ขอบหน้าจอ ทำให้การใช้งานแม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Splash Touch ที่ช่วยให้ใช้งานได้แม้หน้าจอเปียกหรือมีหยดน้ำ เพิ่มความสะดวกในการใช้งานทุกสภาพแวดล้อม
ตัวเครื่องเพรียวบาง แต่ทนทาน
เรื่องความสวยงาม OPPO Reno12 5G นั้นมีความบางเพียงแค่ 7.6 มิลลิเมตร และมีน้ำหนักแค่ 177 กรัม เป็นขนาดที่สะดวกต่อการพกพาและถือใช้งานได้สบายๆ แต่เห็นแบบนี้ก็ไม่ได้บอบบาง เพราะว่าตัวเฟรมของเครื่องใช้วัสดุเป็นโลหะผสมทนทานสูงที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO วัสดุนี้มีคุณสมบัติพิเศษที่รวมเอาความแข็งแกร่งระดับเกรดการบินและอวกาศเข้าไว้ด้วยกัน และยังมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อน ทนอุณหภูมิสูง และการนำความร้อนที่ดี ทำให้ตัวเครื่องสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้อย่างดีเยี่ยม
วัสดุภายในและการประกอบยังออกแบบวัสดุกันกระแทกภายในที่ปรับแต่งเป็นพิเศษ ที่ใช้เทคโนโลยีการเลียนแบบทางชีวภาพ มีคุณสมบัติช่วยดูดซับแรงกระแทกจากทุกทิศทาง และยังผ่านมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP65 โดยช่องเปิด ลำโพง พอร์ต USB-C และถาดซิมการ์ด ได้รับการเสริมความแข็งแรงเป็นพิเศษเพื่อป้องกันน้ำและฝุ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กล้องถ่ายรูปคนอย่างโปร ด้วย AI Portrait
ระบบกล้องหลักของ OPPO Reno 12 5G ประกอบด้วย
- กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony LYT600 ขนาด 1/1.95″ รูรับแสง f/1.8 พร้อม OIS และ All Pixel Omni-Directional PDAF
- กล้องมุมกว้าง 112° เซ็นเซอร์ Sony IMX355 รูรับแสง f/2.2
- กล้องมาโคร 2MP เซ็นเซอร์ OV02B10 โฟกัสระยะ 4 ซม.
ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 32MP เซ็นเซอร์ GC32E ขนาด 1/3.1″ รูรับแสง f/2.0 รองรับการโฟกัสอัตโนมัติทั้งแบบ CDAF และ PDAF เหมาะสำหรับการถ่ายเซลฟี่และวิดีโอคอล
จุดเด่นของ OPPO Reno 12 5G อันเป็นเอกลักษณ์ของซีรีย์นี้ก็คือการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่สวยงาม ด้วยเซ็นเซอร์กล้องหลักเป็น Sony LYT-600 พร้อม All Pixel Omni-Directional PDAF และระบบกันสั่น OIS ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้คมชัด เก็บแสงและรายละเอียดได้ดีเยี่ยม และมีระบบ Flash Snapshot ที่ปรับความเร็วชัตเตอร์ในโหมด Photo ให้เหมาะสมกับสภาพแสง เพื่อให้ได้คุณภาพของภาพที่ดียิ่งขึ้น
ถ่ายภาพพอร์ตเทรตพร้อมซูมออปติคัล 2 เท่า
OPPO Reno12 5G มาพร้อมโหมดถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ใช้เทคโนโลยีการซูมในเซ็นเซอร์บน Sony LYT-600 ความละเอียดสูง 50MP ทำให้สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตด้วยการซูมออปติคอล 2 เท่าได้อย่างมีคุณภาพ ให้ภาพที่คมชัด รายละเอียดสูง และมีการแยกตัวแบบออกจากฉากหลังได้อย่างแม่นยำ สามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตครึ่งตัวได้อย่างสวยงาม เทียบเท่ากับการใช้เลนส์มืออาชีพ
ถ่ายเซลฟี่สวยเป๊ะ ด้วย AI Portrait Retouching
กล้องหน้าความละเอียด 32MP มาพร้อมฟีเจอร์ AI Portrait Retouching ที่ช่วยปรับแต่งใบหน้าให้สวยงามเป็นธรรมชาติ ระบบ AI สามารถตรวจจับและปรับแต่งส่วนต่างๆ ของใบหน้าได้อย่างแม่นยำ เช่น รูปหน้า ไรผม โหนกแก้ม และอื่นๆ นอกจากนี้ยังรองรับการซูม 1× (26mm) และ 2× (52mm) เพื่อให้คุณสามารถจัดองค์ประกอบภาพได้หลากหลายมากขึ้น
Natural Tone
OPPO Reno12 5G มาพร้อมเทคโนโลยี Natural Tone ที่ช่วยให้ภาพถ่ายมีโทนสีที่เป็นธรรมชาติและสมจริงมากขึ้น ระบบจะปรับค่าแสงอย่างชาญฉลาดตามสภาพแวดล้อม ทำให้สามารถจับภาพเอฟเฟกต์แสงและโทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพบุคคล อาคาร หรือวัตถุต่างๆ ภาพที่ได้จะมีสีสันที่สมดุลและใกล้เคียงกับที่ตาเห็นมากที่สุด
Ultra-Clear Portrait System
ด้วยศักยภาพของกล้องหลักทั้งสามตัว คุณสามารถถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้หลากหลายมุมมองด้วยทางยาวโฟกัสที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ 0.6× (กล้องมุมกว้าง) 1× (กล้องหลัก) และ 2× (ซูมออปติคอล) ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพได้ตั้งแต่ภาพกว้างไปจนถึงภาพใกล้ ครอบคลุมทุกสถานการณ์การถ่ายภาพ
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องของ OPPO Reno12 5G
ภาพถ่ายกล้องหน้าเซลฟี่ 32MP
ภาพถ่ายในเวลากลางคืนและสภาพแสงน้อย
ภาพถ่ายพอร์ตเทรตกล้องหลัง
ประสิทธิภาพการใช้งาน
OPPO Reno12 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 7300-Energy For Reno ที่พัฒนาร่วมกันระหว่าง OPPO และ MediaTek ชิปเซ็ตนี้ผลิตด้วยกระบวนการ 4 นาโนเมตรที่ทันสมัย ประกอบด้วย CPU แบบ Octa-core ที่มีความเร็วสูงสุด 2.5 GHz และ GPU Arm Mali-G615 ให้ประสิทธิภาพสูงพร้อมประหยัดพลังงาน
ด้าน RAM ให้มา 12GB LPDDR5x พร้อมรองรับเทคโนโลยี RAM Expansion ที่สามารถแปลงพื้นที่เก็บข้อมูลให้เป็น RAM ชั่วคราวได้สูงสุด 12GB เพิ่มความคล่องตัวในการทำงานหลายแอปพร้อมกัน ส่วนพื้นที่เก็บข้อมูล จะมีให้เลือก 256GB กับ 512GB แบบ UFS 3.1 ที่สามารถขยายได้สูงสุดถึง 1TB ด้วย microSD card
Trinity Engine ความสมดุลในการใช้พลังงานและแบตเตอรี่
เป็นเทคโนโลยีที่ OPPO พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก:
- CPU Vita: ใช้โมเดล AI เพื่อจัดการทรัพยากร CPU อย่างชาญฉลาด ปรับการทำงานให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละช่วงเวลา
- RAM-Vita: เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน RAM ช่วยให้แอปทำงานเร็วขึ้นและสามารถทำงานในพื้นหลังได้นานขึ้น
- ROM-Vita: จัดการพื้นที่เก็บข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการบีบอัดข้อมูลและจัดการไฟล์ซ้ำซ้อน
ระบบนี้ช่วยให้ OPPO Reno12 5G ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลื่นไหล และประหยัดพลังงาน ยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้น
การชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC
OPPO Reno12 5G มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh จาก 0% เป็น 100% ได้ในเวลาเพียง 44 นาที นอกจากนี้ ยังสามารถชาร์จจาก 1% เป็น 57% ในเวลาเพียง 15 นาที
เทคโนโลยีนี้ไม่เพียงแต่ชาร์จได้เร็ว แต่ยังปลอดภัยด้วยระบบป้องกันความร้อนและการชาร์จเกิน OPPO ยังรับประกันว่าแบตเตอรี่จะมีความจุคงเหลือมากกว่า 80% หลังการใช้งาน 4 ปี แสดงถึงความทนทานของแบตเตอรี่แม้จะผ่านการชาร์จเร็วบ่อยครั้ง
AI Communication
AI LinkBoost และ BeaconLink เป็นเทคโนโลยีการสื่อสารล่าสุดที่ OPPO นำมาใช้ใน Reno12 5G เพื่อยกระดับประสบการณ์การเชื่อมต่อของผู้ใช้ให้เสถียรและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
AI LinkBoost ใช้โซลูชันเสาอากาศเซอร์ราวด์ 360° ที่ประกอบด้วยเสาอากาศ 13 เสา ร่วมกับโมเดล AI ระดับระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับสัญญาณและการเลือกเครือข่าย ระบบสามารถจดจำสภาพเครือข่ายของผู้ใช้ได้อย่างชาญฉลาด และทำการสลับเครือข่ายอย่างคล่องตัว เพื่อให้มั่นใจถึงการเชื่อมต่อที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ในทุกสถานการณ์
ด้วยเทคโนโลยีนี้ OPPO Reno12 5G สามารถเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านและเครือข่ายไม่ว่าง กู้คืนสัญญาณได้เร็วขึ้นเมื่อออกจากพื้นที่สัญญาณอ่อน เช่น ลิฟต์หรือชั้นใต้ดิน และลดความล่าช้าของเครือข่ายเมื่อใช้แอปที่ต้องการข้อมูลจำนวนมากพร้อมกัน
ในขณะเดียวกัน BeaconLink เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการสื่อสารในสถานการณ์ที่ไม่มีสัญญาณเครือข่ายปกติ โดยใช้โปรโตคอลการสื่อสารที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง BeaconLink สามารถพัฒนาความสามารถในการอัปลิงค์ Bluetooth ได้ถึง 100% ทำให้สามารถโทรด้วยเสียงระหว่างอุปกรณ์ผ่าน Bluetooth ในระยะทางสูงสุด 400 เมตร แม้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่มีการเชื่อมต่อโดยสิ้นเชิง
เทคโนโลยีนี้มีประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การเดินทางบนเครื่องบิน การอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีสัญญาณเครือข่าย หรือในเหตุการณ์ที่มีผู้คนหนาแน่นมากซึ่งสัญญาณอ่อน ผู้ใช้ยังคงสามารถติดต่อสื่อสารกับเพื่อนของคุณได้
ด้วย AI LinkBoost และ BeaconLink ช่วยให้ OPPO Reno12 5G พร้อมใช้งานได้กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบใด ผู้ใช้สามารถมั่นใจได้ว่า สัญญาณจะราบรื่นและสื่อสารได้อย่างต่อเนื่องไม่มีสะดุด
สรุป รีวิว OPPO Reno12 5G ราคา 14,999 บาท มาพร้อมกับ AI คุ้มค่า น่าซื้อ น่าใช้หรือไม่?
ทางออปโป้หมายมั่นปั้นมือในการนำเอา AI ที่ทันสมัย เข้ามาสู่สมาร์ทโฟนในตระกูล Reno อย่างเต็มรูปแบบ โดยที่คงเอกลักษณ์ทั้งเรื่องดีไซน์สวยงามและประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ เรียกได้ว่าจุดแข็งเดิมยังมีครบ เพิ่มเติมกับฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ
ฟีเจอร์ Generative AI อย่าง ยางลบ AI 2.0 เมื่อลองใช้งานแล้ว รู้สึกว่าว้าวมากๆ เพราะสามารถลบสิ่งที่ไม่ต้องการได้อย่างเกลี้ยงเกลา โดยเฉพาะการแสกนเพื่อลบคนในฉากหลัง ตัว AI สามารถสแกนได้หมด ชนิดที่วางบางคนเราไม่สังเกตเห็น แต่ AI เห็น ฟีเจอร์นี้ถือว่าช่วยให้เวลาถ่ายรูปไม่ต้องห่วงว่าจะต้องรอคนเดินผ่านไปก่อน หรืออะไรที่รกๆ อยู่ในภาพก็มาเคลียร์ทิ้งภายหลังเอาก็ได้
ส่วนฟีเจอร์ในการแต่งภาพอื่นๆ ทั้ง AI Clear Face และ AI Best Face ก็มีประโยชน์ในการถ่ายภาพหมู่ ที่ถ่ายมาแล้วอาจจะไม่เป๊ะ ก็ให้ AI ช่วยจัดการให้ได้ และ AI Studio ถือเป็นของเล่นที่เอาไว้สร้างรูปอวาตาร์หน้าของเราได้อย่างง่ายดายและสนุกสนาน
สำหรับฟีเจอร์ด้านภาษาอื่นๆ ใน AI Toolbox และ AI Recording Summary ตอนนี้ยังไม่รองรับภาษาไทย แต่ก็เป็นลูกเล่นที่ช่วยให้การทำงานและใช้งานด้านภาษามีความสะดวกยิ่งขึ้นกว่าเดิมมากๆ
หน้าจอถือว่าอยู่ในเกรดที่ดีสำหรับการรับชมคอนเทนต์บันเทิงต่างๆ ให้สีสันที่สดใส คมชัด รีเฟรชเรตที่ปรับได้สูงสุดถึง 120Hz ดีทั้งดูซีรีย์และเล่นเกม
เรื่องของกล้องยังคงรักษามาตรฐานความเป็น Reno Series ไว้ได้อย่างภาคภูมิ ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีความสวยงาม คมชัด และปรับจัดการเรื่องแสงได้อย่างดีเยี่ยม พอมาผสานกับ AI ก็ยิ่งทำให้การใช้สมาร์ตโฟนถ่ายภาพคนให้สวยอย่างโปรนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
ตัวเครื่องดีไซน์สวยงาม ความบางเฉียบและน้ำหนักที่เบามาก ๆ คือความประทับใจทันทีตั้งแต่แกะกล่องออกมา ส่วนตัวชอบเคสกันกระแทกที่แถมให้มา ด้วยดีไซน์และใส่แล้วเครื่องก็ไม่ได้หนาหรือหนักขึ้น ส่วนของหน้าจอที่โค้ง 3D ขอบบางจ๋อย และตัวเครื่องมาตรฐาน IP65 ก็ทำให้มีความมั่นใจในการใช้งานและทนทานมากขึ้น
ด้านประสิทธิภาพ ถือว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสมาร์ตโฟนระดับกลาง อาจจะไม่ได้แรงจัดมากแต่ก็ถูกออกแบบสำหรับการทำงานทั่วไปไดอย่างไหลลื่น ส่วนการเล่นเกมนั้น ถ้าเลือกปรับในระดับ Pro Gamer mode ก็ยังให้ประสบการณ์การเล่นเกมที่ลื่นไหนได้ดีเช่นกัน
แบตเตอรี่และการชาร์จ ทำได้ดีหายห่วง เพราะแบตเตอรื่ที่ความจุ 5000mAh ใช้งานตลอดวันทั่วไปยังไงก็อยู่ได้ตั้งแต่เช้ายันเย็น แต่ถ้าใช้หนักๆ มีเล่นเกม ดูซีรีย์ ด้วยระบบชาร์จ 80W SUPERVOOC ก็เติมพลังให้กลับมาเต็มอีกครั้งได้โดยไม่ต้องรอนาน
โดยสรุป OPPO Reno12 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ AI ทันสมัยในราคาระดับกลาง ที่เข้าถึงได้ง่าย พร้อมกับคุณสมบัติด้านการถ่ายภาพที่โดดเด่นและการออกแบบที่สวยงาม
ราคา และ โปรโมชัน ของ OPPO Reno12 5G
- OPPO Reno12 5G (12+256GB) : 14,999 บาท
- OPPO Reno12 5G (12+512GB) : 16,999 บาท
รับฟรี ของสมนาคุณรวมมูลค่า 9,499 บาท (E-VIP Card และ OPPO AI Gifbox) ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ถึง 31 กรกฎาคม 2567