ตำรวจทลายแก๊งขโมยแบตเตอรี่เสาสัญญาณมือถือ เอไอเอส เสียหายกว่า 10 ล้านบาท

ตำรวจภูธรภาค 2 แถลงผลการจับกุมแก๊งลักทรัพย์แบตเตอรี่เสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ หลังก่อเหตุต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือน สร้างความเสียหายให้ เอไอเอส กว่า 10 ล้านบาท พร้อมเร่งขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ

เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.สมประสงค์ เย็นท้วม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พร้อมด้วย พล.ต.ต.ฉัตรชัย สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผบก.สส.ภ.2 และคณะ แถลงผลการจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาที่ก่อเหตุลักทรัพย์แบตเตอรี่สำรองจากเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือของบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด (เอไอเอส) ในพื้นที่ภาคตะวันออก

จากการสืบสวนพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นมา มีเหตุลักทรัพย์เกิดขึ้นกว่า 150 ครั้ง ในหลายจังหวัดทางภาคตะวันออก โดยคนร้ายได้แบตเตอรี่ไปไม่ต่ำกว่า 300 ลูก คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท โดยที่คนร้ายมักเลือกพื้นที่ห่างไกลและไม่ค่อยมีกล้องวงจรปิด ออกตระเวนลักทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

ตำรวจทลายแก๊งขโมยแบตเตอรี่เสาสัญญาณมือถือ เอไอเอส เสียหายกว่า 10 ล้านบาท

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมมือกับทีมวิศวกรและฝ่ายกฎหมายของเอไอเอส ทำการสืบสวนอย่างเข้มข้น จนสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหา 7 ราย และหมายค้น 8 จุด ผลการปฏิบัติการระหว่างวันที่ 21-23 มิถุนายน 2567 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 ราย ประกอบด้วย

  1. นายอัศวิน (สงวนนามสกุล)
  2. นายอิบรอฮีม (สงวนนามสกุล)
  3. นายนาวิน (สงวนนามสกุล)
  4. นายรุ่งอนัน (สงวนนามสกุล)
  5. นายศราวุธ (สงวนนามสกุล)
  6. นายปริวัฒน์ (สงวนนามสกุล)

พร้อมของกลางแบตเตอรี่ 114 ลูก โดยมีผู้ต้องหา 1 ราย คือ นายวีระวุฒิ (สงวนนามสกุล) ที่ยังคงหลบหนีการจับกุม

ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์และรับของโจร ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี นอกจากนี้ หากพิสูจน์ได้ว่ามีการกระทำในลักษณะเป็นเครือข่ายอาชญากรรม อาจถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินเพิ่มเติม ซึ่งมีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 20,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

จากการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า คนร้ายเป็นผู้มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับระบบเสาสัญญาณโทรศัพท์ คาดว่าเคยประกอบอาชีพเกี่ยวกับการติดตั้งระบบในเสาสัญญาณโทรศัพท์มาก่อน หลังจากลักทรัพย์แล้ว จะรีบนำไปขายให้กับกลุ่มรับซื้อของโจรในราคาลูกละ 5,000-8,000 บาท จากนั้นกลุ่มรับซื้อจะปลด Alert ในตัวแบตเตอรี่ แล้วนำไปขายต่อในตลาดมืดออนไลน์ในราคา 12,000-14,000 บาทต่อลูก

ตำรวจทลายแก๊งขโมยแบตเตอรี่เสาสัญญาณมือถือ เอไอเอส เสียหายกว่า 10 ล้านบาท

นายสมภพ กิตติวิรุฬห์วัฒน รักษาการหัวหน้างานปฏิบัติการภูมิภาค-ภาคตะวันออก เอไอเอส กล่าวว่า เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงในการให้บริการเครือข่ายอย่างมาก เนื่องจากทำให้สถานีฐานขาดระบบสำรองแหล่งพลังงาน อาจส่งผลให้ไม่สามารถให้บริการสัญญาณได้ตามปกติ ทางบริษัทฯ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ให้ความสำคัญกับคดีนี้ และเชื่อมั่นว่าการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนจะช่วยให้สามารถจับกุมผู้กระทำผิดและนำทรัพย์สินกลับคืนมาได้

ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงขยายผลการสืบสวนเพื่อจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือ และได้อายัดบัญชีของผู้ต้องสงสัยไว้แล้วกว่า 1 ล้านบาท พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อติดตามเส้นทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหาต่อไป

พล.ต.ท.สมประสงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางตำรวจจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้กระทำผิด และขอเตือนผู้ที่คิดจะก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ว่าจะต้องได้รับโทษอย่างหนัก นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือจากประชาชนในการเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสหากพบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัย

ประชาชนที่พบเห็นเหตุต้องสงสัยเกี่ยวกับการลักทรัพย์หรือซื้อขายแบตเตอรี่เสาสัญญาณโทรศัพท์ สามารถแจ้งเบาะแสมายัง บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวิร์ค จำกัด หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อร่วมกันป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจโดยรวมได้

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน