AIS (เอไอเอส) ผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของไทย ประกาศความร่วมมือกับ Singtel จากสิงคโปร์ และ Maxis จากมาเลเซีย โดยได้ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันในการพัฒนาบริการ Open API เพื่อยกระดับการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ในระดับภูมิภาค ความร่วมมือนี้นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการร่วมมือด้าน API ระหว่างบริษัทโทรคมนาคมในระดับนานาชาติ
เป้าหมายหลักของความร่วมมือนี้คือการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเรียลไทม์ระหว่างผู้ให้บริการทั้งสามราย เพื่อเสริมความแข็งแกร่งในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการและป้องกันการฉ้อโกงทางออนไลน์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่การทำธุรกรรมดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
แพลตฟอร์มเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัล
AIS Open API เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย AIS และได้รับการรับรองมาตรฐานจาก GSMA (GSM Association) ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมโทรคมนาคมระดับโลก แพลตฟอร์มนี้เปิดโอกาสให้นักพัฒนาแอปพลิเคชันจากองค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถเข้าถึงศักยภาพของเครือข่ายโทรคมนาคมเพื่อสร้างสรรค์บริการที่มีนวัตกรรมและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้บริการ โดยปัจจุบันมีบริการที่ใช้งาน API นี้ ได้แก่
- การยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการดิจิทัล: ระบบสามารถตรวจสอบข้อมูลการลงทะเบียนของผู้ใช้บริการกับฐานข้อมูลของบริษัทโทรคมนาคม เพื่อยืนยันความถูกต้องของข้อมูล
- การตรวจสอบการเปลี่ยนซิมการ์ด: ระบบสามารถตรวจสอบว่าอุปกรณ์ที่กำลังทำธุรกรรมมีการเปลี่ยนซิมการ์ดเมื่อไม่นานมานี้หรือไม่ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการพยายามเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทั้งสองบริการนี้มีส่วนสำคัญในการช่วยป้องกันการทุจริตและการหลอกลวงในการทำธุรกรรมออนไลน์ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนที่มีรายงานการโจมตีทางไซเบอร์ผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก
ประโยชน์ต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค
ความร่วมมือระหว่างทั้ง 3 บริษัทในการใช้งาน Open API จะสร้างประโยชน์อย่างมากต่อทั้งภาคธุรกิจและผู้บริโภคในประเทศไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ เช่น
- ธุรกิจธนาคารและบริการทางการเงิน: สามารถเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์และการเข้าถึงบัญชีของลูกค้า
- อีคอมเมิร์ซ: ช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงในการสั่งซื้อสินค้าและบริการออนไลน์
- เกมออนไลน์: ป้องกันการเข้าถึงบัญชีผู้เล่นโดยไม่ได้รับอนุญาตและการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย
การใช้ Number Verification API ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยืนยันตัวตนของผู้ใช้บริการ ในขณะที่ SIM Swap API ช่วยตรวจจับการเปลี่ยนซิมการ์ดที่อาจเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งสองบริการนี้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างระบบป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
มุมมองของผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
นายภูผา เอกะวิภาต รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าองค์กร เอไอเอส กล่าวว่า ความร่วมมือนี้เป็นก้าวสำคัญในการสานต่อพันธกิจในการปกป้องความปลอดภัยของลูกค้าและผู้ใช้บริการดิจิทัล โดยการผสานความเชี่ยวชาญและทรัพยากรด้านโทรคมนาคมของทั้งสามบริษัท
นายอึง เทียน ช็อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สิงค์เทล สิงคโปร์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของการรับมือกับการฉ้อโกงทางดิจิทัลที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาค และเชิญชวนผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือรายอื่นๆ เข้าร่วมเพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นายโก เซียว เอง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แม็กซิส มาเลเซีย กล่าวถึงความมุ่งมั่นในการส่งมอบการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว เชื่อถือได้ และปลอดภัย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล
นอกจากนี้ นายจูเลี่ยน กอร์แมน หัวหน้าฝ่ายเอเชียแปซิฟิก สมาคมจีเอสเอ็ม (GSMA) ยังกล่าวถึงความสำคัญของการร่วมมือกันระหว่างประเทศเพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ที่มักดำเนินการข้ามพรมแดน และยกย่องความพยายามของทั้งสามบริษัทในการสร้างความไว้วางใจให้กับผู้บริโภคในบริการดิจิทัลใหม่ๆ
ความร่วมมือนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับความปลอดภัยทางดิจิทัลในภูมิภาคอาเซียน โดยครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 61.6 ล้านรายใน 3 ประเทศ ประกอบด้วย AIS ในประเทศไทย (45 ล้านราย) Maxis ในมาเลเซีย (12 ล้านราย) และ Singtel ในสิงคโปร์ (4.6 ล้านราย) ซึ่งจะช่วยพัฒนาแอปพลิเคชันที่ปลอดภัยและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในระดับภูมิภาค
การลงนามความร่วมมือนี้ได้จัดขึ้นในงาน Digital Nation Summit ณ ประเทศสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสามบริษัทในการร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือสำหรับผู้ใช้งานในภูมิภาคอาเซียน
สำหรับองค์กรธุรกิจที่สนใจบริการยืนยันตัวตนยุคใหม่ผ่าน AIS Open API สามารถติดต่อทีมงาน AIS Business ได้ทันที หรือสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ais.th/business/