BYD เปิด โรงงานผลิตรถยนต์ ในไทย มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าอาเซียน

บีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของจีน ได้เปิด โรงงานผลิตรถยนต์ ในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ จังหวัดระยอง โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน การเปิดโรงงานครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญของ BYD ในการขยายฐานการผลิตไปยังต่างประเทศ และเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาลไทย

โรงงาน BYD ในไทย: ก้าวสำคัญสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ด้วยกำลังการผลิต 1.5 แสนคันต่อปี

โรงงานแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 948,000 ตารางเมตร ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 16 เดือน นับจากพิธีเปิดหน้าดิน มาพร้อมแนวคิดการลดใช้พลังงานและคาร์บอนต่ำ ครบครันด้วยเครื่องจักรกลอัตโนมัติ กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และระบบบริหารจัดการโลจิสติกส์ล้ำสมัย

ภายใน โรงงานผลิตรถยนต์ แห่งนี้ ครอบคลุม 4 ขั้นตอนการผลิตยานยนต์ ได้แก่ การขึ้นรูป การเชื่อม การทำสี และการประกอบ โดยมีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 150,000 คันต่อปี ซึ่งจะผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่น เช่น BYD DOLPHIN, BYD ATTO 3, BYD SEAL และ BYD SEALION 6 นอกจากนี้ ยังสามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี่และระบบส่งกำลังได้อีกด้วย

BYD ส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าคันที่ 8 ล้านของโลกให้กับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง

ในโอกาสพิเศษแห่งการเปิด โรงงานผลิตรถยนต์ BYD ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ บริษัทได้จัดพิธีส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า BYD DOLPHIN ซึ่งเป็นรถยนต์พลังงานใหม่คันที่ 8 ล้านของ BYD ทั่วโลก ให้กับมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยได้รับเกียรติจาก นายหวัง ชวนฟู่ ประธานกรรมการและประธานบริษัท BYD กรุ๊ป เป็นประธานในพิธี พร้อมมอบรถแก่ตัวแทนมูลนิธิ หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์

ความสำคัญของโรงงาน BYD ต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ไทย

BYD โรงงานผลิตรถยนต์ ในไทย ที่ จ.ระยอง

นายหวัง ชวนฟู่ ประธานกรรมการและประธานบริษัท BYD กรุ๊ป กล่าวว่า บีวายดีได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็วในตลาดไทย โดยเป็นผู้นำด้านยอดขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าติดต่อกันถึง 18 เดือน หลังจากเข้าสู่ตลาดไทยได้เพียง 2 ปี การเปิดโรงงานในไทยจะช่วยผสานความเป็นเลิศด้านการผลิตในประเทศเข้ากับเทคโนโลยีพลังงานใหม่ขั้นสูงของบีวายดี

นายหลิว เสวียเลี่ยง ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัท BYD ออโต้ อินดัสทรี จำกัด เสริมว่า โรงงานแห่งนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของ BYD ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าไทยและอาเซียน รวมถึงสนับสนุนการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะให้กับวงการยานยนต์และพลังงานทดแทน

นายประธานวงศ์ พรประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ ตัวแทนจำหน่าย BYD ในไทย เชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยโรงงานแห่งนี้จะช่วยผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น NEV Nation และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงาน

โรงงาน BYD ในไทยคาดว่าจะสร้างงานได้กว่า 10,000 ตำแหน่งเมื่อดำเนินงานเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการพัฒนาแรงงานที่มีทักษะให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์และพลังงานทดแทนของไทย นอกจากนี้ ยังจะช่วยดึงดูดการลงทุนและส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ และอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจต่อประเทศอย่างมหาศาล

แผนการขยายตลาดและผลิตภัณฑ์ใหม่

นางสาวประธานพร พรประภา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจเรเว่ เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่ง รวมถึงมอบประสบการณ์การขายและบริการหลังการขายเหนือระดับ

ในส่วนของ BYD นายหวัง ชวนฟู่ กล่าวว่า บริษัทวางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า 100% และรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดเพิ่มเติมในประเทศไทยในอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น

ความสำเร็จของ BYD ในตลาดโลกและไทย

BYD ได้ขยายการเติบโตในตลาดต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในปี พ.ศ. 2566 บริษัทส่งออกรถยนต์ 243,000 คัน เพิ่มขึ้นถึง 334% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ปัจจุบัน BYD จำหน่ายยานยนต์พลังงานใหม่ใน 88 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก

สำหรับตลาดไทย BYD ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยรุ่นแรก BYD ATTO 3 ที่เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม 2565 มียอดจำหน่ายและส่งมอบมากกว่า 30,000 คันในปีแรก ตามมาด้วย BYD DOLPHIN ในเดือนกรกฎาคม 2566 และ BYD SEAL ในเดือนกันยายน 2566 ทำให้ BYD สามารถครองตำแหน่งผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนมากที่สุดในปี 2566

การเปิด โรงงานผลิตรถยนต์ BYD ในประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมของประเทศในระยะยาว นอกจากนี้ ยังเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าระดับโลก

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน