รีวิว Deadpool & Wolverine ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ที่เต็มไปด้วยสิ่งเหนือความคาดหมาย เซอร์วิสแฟนฮีโร่ยุค 2000 แก้กรรมในแบบที่ Fox ทำไม่ได้ แต่ดิสนีย์ทำถึงแบบไม่เกรงใจ MCU ของตัวเองเลย
ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์ประสบความสำเร็จในการพาฮีโร่พลัดถิ่นอย่างสไปเดอร์-แมน เข้ามารวมจักรวาล MCU ถึงแม้ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็เป็นหนึ่งสิ่งที่นำพาให้ The Avengers ก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จสูงสุด
มาครั้งนี้ หลังจากที่ดิสนีย์แก้ปัญหาจักรวาลมาเวลที่กระจัดกระจาย ให้มารวมเป็นปึกแผ่นหนึ่งเดียวกับ MCU อีกครั้ง (แม้ว่าตอนนี้สไปดี้ต้องกลับไปใช้ชีวิตหมองหม่นในจักรวาลเดิมของตนอีกครั้ง) งานนี้จึงไม่ได้แค่เซ็นต์สัญญา แต่ใช้เงินซื้อ 20th Century FOX มาทั้งสตูดิโอ ทำให้ลิขสิทธิ์มาเวลทั้งหมด (ยกเว้นสไปเดอร์-แมน) มารวมอยู่ในกำมือของดิสนีย์ทั้งหมด
Deadpool คือฮีโร่ตัวแรกที่ดิสนีย์พาเข้าสู่ MCU ซึ่งก็สมเหตุสมผลและเหมาะสมที่สุด ทั้งในเรื่องความนิยมของหนัง 2 ภาคแรกที่ประสบความสำเร็จใช้ทุนน้อยแต่กำไรท่วม รวมถึงทีมงานของเรื่องนี้ที่พร้อมมากๆ ตั้งแต่ตัวของ ไรอัน เรย์โนลส์ ที่สวมวิญญาณและสร้างตัวตนเดดพูลได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และครั้งนี้เมื่อถือครอง LC เอาไว้ได้หมดแล้ว การจะสร้างอะไรที่เหนือความคาดหมายหรือที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ ในหนังเรื่องนี้จึงทำได้หมดแบบไร้ขีดจำกัด
ก่อนดู Deadpool & Wolverine ควรดูอะไรมาก่อน?
ตัวหนังเป็นภาคที่ 3 ของเด็ดพูล ดังนั้นควรที่จะดู 2 ภาคแรกมาก่อนก็ดี เพื่อที่จะได้คุ้นเคยกับความบ้อบอกวนประสาทของฮีโร่ตัวนี้ รวมถึงตัวหนังยังที่มีการเชื่อมต่อกับภาพยนตร์จากอีกสารพัดเรื่อง ถ้าคุณเป็นเด็กที่โตมากับฮีโร่ X-Men ที่ดูมาตลอดก็จะได้พลังตีบวกความสนุกกับหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษ
แต่ก็แนะนำให้ทำการบ้านเพิ่มเติมกับซีรีย์ “LOKI” ที่หารับชมได้ทาง Disney+ Hotstar ดูแค่ซีซั่นแรกก็ได้เพื่อคุณจะได้รู้จักกับ TVA , เส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ และ The Void (จุดสิ้นสุดของกาลเวลา) เพราะภาคนี้เดดพูลดำเนินเรื่องอยู่บนพื้นฐานโลกของ TVA เกือบทั้งหมด
อีกเรื่องที่แนะนำให้ดู ก็คือ Logan ภาพยนตร์ปิดฉากตัวละครวูล์ฟเวอรีนเอาไว้ได้อย่างสวยงาม ที่วันนี้ถูกเดดพูลขุดซากขึ้นมาปู้ยี้ปู้ยำและเป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้เพื่อโลกของตัวเองในภาพยนตร์เรื่องนี้
การเล่าเรื่องได้อย่างสมดุลแบบสุดทุกทาง
ผู้กำกับ Shawn Levy สามารถผสมผสานความตลกแบบ Deadpool เข้ากับความเข้มข้นของ Wolverine ได้อย่างลงตัว เขารักษาสมดุลระหว่างฉากตลกและฉากแอคชั่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้หนังมีจังหวะที่กระชับและน่าติดตาม รสชาติจัดจ้าน ไม่มีช่วงไหนที่รู้สึกน่าเบื่อหรือยืดเยื้อ รวมถึงความครบถ้วนของเนื้อหาของทุกตัวละคร
การนำเอา 2 ตัวละครที่อยู่กันคนละขั้วมาต่อสู้ร่วมกัน ความปากหมาทุก 5 วินาทีของเดดพูล กับความเครียดเก็บกดซีเรียสของวูล์ฟเวอรีน ทำให้เราได้เห็นฉากตีกันของ 2 ตัวละครที่เป็นอมตะ มีพลังฟื้นฟูขั้นสูง มาซัดแหลกแบบไม่กลัวตายอย่างสุดมัน
และการต่อสู้กับตัวร้ายที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่เช่นกัน ทำให้ฉากแอคชันต่างๆ ถูกออกแบบมาได้ดีทุกฉาก ทั้งความสวยงาม ดุดัน ไหลลื่น และปั่นประสาท และนี่เป็นหนังฮีโร่เรื่องแรกของดิสนีย์ที่ติดเรตผู้ใหญ่ จึงเต็มไปด้วยฉากความรุนแรงเลือดสาด หัวกระเด็น อวัยวะต่างๆ ปลิวว่อน แต่ก็ไม่ได้มากเกินไปจนรู้สึกอึดอัดหรือสะอิดสะเอียน
มุกตลกร้ายตามสไตล์ของเดดพูล ส่วนตัวถือว่าทำได้ดี และน่าจะดีกว่า 2 ภาคแรก เล่นได้ถูกจังหวะ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เราสามารถตลกกับการตายของตัวละครที่เรารักได้โดยไม่รู้สึกผิด รวมถึงบทพูดที่บางครั้งเพียงแค่ไม่กี่คำก็ทำให้เราหัวเราะฮาลั่นโรง ทั้ง ๆ ที่อยู่ในฉากสถานการณ์คอขาดบาดตายก็ตาม
รวมถึงมุกตลกที่แซะนั่นแซะนี่ แซะตัวเอง แขวะตัวเอง แบบไม่มีความเกรงอกเกรงใจ เหมือน Kevin Feige และดิสนีย์ไม่ได้ดูหนังเรื่องนี้ก่อนจะเข้าฉาย และปล่อยให้ ไรอัน เรย์โนลส์ ทำอะไรก็ได้ในจักรวาล MCU แบบไม่มีเบรก
ส่วนฉาก CGI พอมาอยู่กับดิสนีย์ก็ต้องมีเยอะขึ้น โดยมาเสริมในฉากแอคชันต่างๆ ให้ได้มุมมองและความสนุกที่ไม่เหมือนใคร ส่วนเพลงประกอบที่เอาเพลงฮิตยุค 2000 มาใส่ในฉากที่กำลังสะบั้นหั่นแหลกก็ดูลงตัวอย่างพิกล แต่สนุกโคตรๆ
สรุป รีวิว Deadpool & Wolverine : ยำใหญ่ใส่ครบรส ที่ไม่มีให้รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่น่าเชื่อว่าดิสนีย์จะไฟเขียวให้กับ ไรอัน เรย์โนลส์ ได้ขนาดนี้ และเมื่อเงินไม่ใช่ปัญหา ตัวหนังจึงใส่แบบไม่ยั้ง โดยหลักคือการนำพาฮีโร่จะทางฝั่งของ FOX มายัง Disney ผ่านโลกของ MCU ที่ตอนนี้ยืนอยู่บนฐานของมัลติเวิร์สและเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์
หน้าหนังที่แปะว่า Deadpool & Wolverine ไม่ได้มีดีแค่การพา ฮิวส์ แจ็คแมน ที่แขวนเล็บและจบฉากตัวละครโลแกนลงไปอย่างสวยงาม ให้กลับมาอยู่ในจักรวาลที่โคตรจะบ้าบอ และต้องมีคู่หูที่ไม่น่าจะเข้ากันได้อย่าง Deadpool ได้อย่างลงตัว เหนือความคาดหมาย
และไม่ได้มีแค่วูฟเวอรีนเท่านั้น เพราะยังมีฮีโร่อีกหลายคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอ หรือว่าลืมไปแล้วว่ามี ก็มาปรากฎในหนังเรื่องนี้ และเป็นการมาที่สร้างความประทับใจระดับฟินน้ำแตกอย่างที่หนังโฆษณาเอาไว้ทุกตัว
อีกเรื่องที่ต้องชมดิสนีย์ว่าเก่งมาก ๆ ในการกุมความลับของภาพยนตร์เรื่องนี้ ในยุคที่ยากจะเก็บความลับอะไรไว้ได้และมีพวกหิวแสงชอบเอาข้อมูลหลุดมาเผยแพร่ แต่หนังเรื่องนี้ไม่มีการหลุดสิ่งสำคัญตลอดการถ่ายทำ (ที่หลุดก็มีแต่ตั้งใจหลุด) ทำให้บรรยากาศเวลาที่เข้าไปนั่งในโรงแล้วได้เห็นสิ่งที่ไม่คาดฝันปรากฎขึ้นมา มันเติมรสชาติให้ตัวหนังเต็มอิ่มยิ่งขึ้น
Deadpool จะได้เข้าร่วมกับ The Avengers หรือไม่?
ท่ามกลางวิกฤติความนิยมของภาพยนตร์ฮีโร่ของมาเวลที่เสื่อมถอย หรืออาจจะเพราะความสำเร็จของ The Avengers : End Games นั้นทำเอาไว้สูงลิ่ว และการเข้าสู่ The Multiverse Saga ก็เต็มไปด้วยปัญหามากมาย และภาพยนตร์แต่ละเรื่องก็ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งเป้าไว้
ใน Deadpool & Wolverine แม้ว่า เวด วิลสัน จะแสดงออกอย่างแรงกล้าที่อยากจะเข้าร่วมเป็นทีมอเวนเจอร์ แถมในตัวภาพยนตร์ภาคนี้มีทิ้งปมว่าเขาจะได้ร่วมต่อสู้กับเหล่าอเวนเจอร์ แต่ก็เป็นปมเล็ก ๆ ที่ไม่ได้สำคัญและยืนยันได้ว่าเดดพูลจะได้ไปต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับธอร์ แต่ก็เชื่อว่ามีเหล่าแฟน ๆ มาเวลจำนวนไม่น้อย ก็อยากจะเห็นฮีโร่จอมกวนตีนตัวนี้เข้าทีมต่อสู้กอบกู้จักรวาลจริง ๆ เหมือนกัน
รีวิว Deadpool & Wolverine นี้ ขอไม่สปอยด์อะไรเลยภายในเรื่อง เอาเป็นว่า แนะนำให้ไปรีบไปดูในโรงภาพยนตร์ก่อนที่จะโดนสปอยด์จุดสำคัญในเรื่อง และไปดื่มดำกับความสำราญกับความทรงจำในวัยเด็กที่อาจจะดีบ้างไม่ดีบ้างกับฮีโร่ X-Men ของ FOX วันนี้คุณจะได้ฟินแบบเต็มอิ่มอีกครั้ง จนอยากดูซ้ำอีก 2-3 รอบเพื่อเก็บอีสเตอร์เอ็กและฟังพากษ์ไทย ทั้งๆ ที่รู้ว่าอีก 4-5 เดือนก็ดูซ้ำได้บน Disney+ Hotstar ได้แล้ว
ให้คะแนนสำหรับ Deadpool & Wolverine ผมให้อยู่ที่ 9.5/10
อะไรนะ? สงสัยว่าอีก 0.5 คะแนนหักเรื่องอะไร? ก็แค่อยากหักไว้ให้มีคนถามว่าหักไว้ทำไมแค่นั้นล่ะ 555555
ปล.1 ภาพยนตร์มี 2 End Credit ที่อันแรกทำให้เราใจฟู ส่วนอันที่ 2 ทำให้เรารู้ว่าเดดพูลไม่ได้เป็นคนพูดจาตอแหลเสมอไป
ปล.2 Honda Odessey รถเค้าดีจริง ๆ
ปล.3 ของพรีเมียม เสื้อยืดมวยไทยสวยมาก ควรค่าแก่การเก็บสะสมยิ่งนัก