OpenAI เจ้าของ ChatGPT กำลังขาดทุนหนัก เสียง ล้มละลาย

OpenAI กำลังเผชิญวิกฤตการเงิน เสี่ยง ล้มละลาย ภายใน 12 เดือน!

OpenAI บริษัทผู้พัฒนา ChatGPT ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก กำลังเผชิญกับวิกฤตทางการเงินครั้งใหญ่ โดยมีการคาดการณ์ว่าอาจขาดทุนถึง 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และอาจ ล้มละลาย ได้ภายในเวลาไม่ถึง 12 เดือน

ข่าวนี้สร้างความตกใจให้กับวงการเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นอย่างมาก เนื่องจาก OpenAI เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ขับเคลื่อนนวัตกรรม AI ในปัจจุบัน สาเหตุเป็นเพราะว่าทางบริษัทมีต้นทุนมหาศาลในการพัฒนา AI

OpenAI มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงมาก โดยใช้เงินเฉลี่ยถึง 700,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันเพื่อให้ ChatGPT สามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนเงินมหาศาลถึง 7,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการฝึกฝนโมเดล AI และอีก 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับค่าจ้างพนักงาน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันอย่างมาก

OpenAI เสี่ยง ล้มละลาย เมื่อรายได้เริ่มไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย

แม้ว่า OpenAI จะมีรายได้จาก ChatGPT และค่าธรรมเนียมการเข้าถึง LLM (Large Language Model) รวมกันประมาณ 3,500-4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานทั้งหมด แม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทได้ผ่านการระดมทุนมาแล้ว 7 รอบ ได้รับเงินทุนรวมกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปัจจุบันมีมูลค่าบริษัทสูงถึง 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน OpenAI กำลังใช้ทรัพยากรเกือบเต็มกำลัง โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ 290,000 เครื่องจากทั้งหมด 350,000 เครื่องเพื่อรองรับการทำงานของ ChatGPT เพียงอย่างเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความท้าทายในการขยายการให้บริการและพัฒนาเทคโนโลยีต่อไป

และแม้ว่าจะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน แต่ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนา AGI (Artificial General Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงที่มีความสามารถเทียบเท่ามนุษย์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดของบริษัท

สำหรับข่าวนี้ น่าจะสร้างความกังวลให้กับวงการ AI เนื่องจาก OpenAI เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ในขณะที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft, Apple และ NVIDIA กำลังได้รับประโยชน์จากการลงทุนในด้าน AI แต่ OpenAI กลับประสบปัญหาทางการเงิน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนานวัตกรรมในอนาคต

ข้อมูลจาก WindowsCentral

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน