realme เปิดตัว สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ realme 13 Pro และ 13 Pro+ อย่างเป็นทางการในประเทศอินเดีย โดยทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับการอัปเกรดหลายด้านเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพการทำงานและระบบระบายความร้อนที่ดีขึ้น กล้องถ่ายภาพประสิทธิภาพสูง พร้อมคุณสมบัติอื่นๆ อีกมากมาย
ประสิทธิภาพและระบบระบายความร้อน
ทั้งสองรุ่นใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 7s Gen 2 พร้อม RAM สูงสุด 12GB แบบ LPDDR4X และหน่วยความจำภายในสูงสุด 512GB แบบ UFS 3.1 ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและราบรื่น สามารถรันแอปพลิเคชันและเกมได้อย่างคล่องตัว
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน 9 ชั้น ประกอบด้วย VC ขนาด 4500 ตารางมิลลิเมตร และแผ่นกราไฟต์ขนาด 9953 ตารางมิลลิเมตร ช่วยให้เครื่องมีอุณหภูมิไม่สูงมากแม้ใช้งานหนัก ทำให้สามารถรักษาประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
กล้องถ่ายภาพสวยคมชัด พร้อม AI
realme 13 Pro+ มาพร้อมกล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony LYT-701 พร้อม OIS, กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP และกล้องเทเลโฟโต้ 50MP ซูมออปติคอล 3 เท่า และซูมดิจิตอลสูงสุด 120 เท่า ให้ภาพถ่ายที่คมชัดและมีรายละเอียดสูง สามารถถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์
ส่วน realme 13 Pro มีกล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ LYT-600 พร้อม OIS และกล้องอัลตร้าไวด์ 8MP ทั้งสองรุ่นมีกล้องหน้า 32MP
ทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้แก่
- Ultra Clarity ที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มความคมชัดและรายละเอียดของภาพ โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย
- Smart Removal ที่ช่วยลบวัตถุที่ไม่ต้องการออกจากภาพได้อย่างแม่นยำ ทำให้การแก้ไขภาพเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ
- Group Photo Enhance ซึ่งใช้ AI วิเคราะห์และปรับแต่งภาพถ่ายกลุ่มให้ดูดีที่สุด โดยคำนึงถึงการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางของแต่ละคนในภาพ
- Audio Zoom เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้การบันทึกเสียงในวิดีโอมีคุณภาพดียิ่งขึ้น โดยสามารถโฟกัสเสียงจากวัตถุที่กำลังซูมได้อย่างชัดเจน ทำให้การถ่ายวิดีโอมีความสมจริงและน่าสนใจมากขึ้น
จอแสดงผลและดีไซน์
realme 13 Pro และ 13 Pro+ มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ อัตรารีเฟรช 120Hz พร้อมขอบจอบางเฉียบ หน้าจอแสดงผลให้ความสว่างสูงสุดถึง 2000 นิต ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในที่แสงสว่างจ้า นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Pro-XDR ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลภาพถ่าย รองรับ 100% DCI-P3 color gamut และป้องกันด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 7i
ด้านการออกแบบได้แรงบันดาลใจจากผลงานของ Claude Monet มีให้เลือกทั้งแบบกระจกในสี Monet Gold และ Monet Purple กระจกด้านหลังใช้เทคนิค Miracle Shining Craft สร้างเอฟเฟกต์แสงระยิบระยับ และอีกสีเป็นแบบหนังเทียมในสี Emerald Green ตัวเครื่องออกแบบมามีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP65
แบตเตอรี่และการชาร์จ
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5200mAh ให้เวลาใช้งานที่ยาวนาน โดย realme 13 Pro+ รองรับการชาร์จเร็ว 80W SuperVOOC สามารถชาร์จจาก 0% เป็น 50% ในเวลาเพียง 19 นาที และเต็ม 100% ในเวลา 49 นาที
ส่วน realme 13 Pro รองรับการชาร์จเร็ว 45W SuperVOOC ซึ่งแม้จะช้ากว่ารุ่นพลัส แต่ก็ยังถือว่าเร็วกว่าสมาร์ทโฟนทั่วไปในระดับราคาเดียวกัน ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน
ราคาและการวางจำหน่าย
realme 13 Pro มีราคาเริ่มต้นที่ 26,999 รูปี (ประมาณ 11,600 บาท) สำหรับรุ่น 8GB/128GB, 28,999 รูปี (ประมาณ 12,500 บาท) สำหรับรุ่น 8GB/256GB และ 31,999 รูปี (ประมาณ 13,800 บาท)สำหรับรุ่น 12GB/512GB
ส่วน realme 13 Pro+ มีราคาเริ่มต้นที่ 32,999 รูปี (ประมาณ 14,200 บาท) สำหรับรุ่น 8GB/256GB, 34,999 รูปี (ประมาณ 15,000 บาท) สำหรับรุ่น 12GB/256GB และ 36,999 รูปี (ประมาณ 15,900 บาท) สำหรับรุ่น 12GB/512GB
ทั้งสองรุ่นจะเริ่มวางจำหน่ายในในประเทศอินเดีย วันที่ 6 สิงหาคม โดยมีการเปิดให้สั่งจองล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม พร้อมโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด 3,000 รูปีเมื่อใช้บัตรเครดิตของธนาคารที่ร่วมรายการ และสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมายสำหรับผู้ที่สั่งซื้อในช่วงแรก
realme 13 Pro และ 13 Pro+ เรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาสมาร์ทโฟนใน Number Series ได้อย่างรอบด้าน ตั้งแต่สเปกที่ครบครัน หน้าจอคุณภาพสูง กล้องที่ได้รับการปรับปรุง และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่พร้อมการชาร์จเร็ว โดยที่ยังรักษาราคาที่แข่งขันได้
ส่วนการ เปิดตัว และวางจำหน่าย realme 13 Pro และ 13 Pro+ ในประเทศไทย จะต้องรอการประกาศอย่างเป็นทางการจาก เรียลมี ประเทศไทยอีกครั้ง ซึ่งเราจะมารายงานให้ทราบทันทีที่มีข้อมูลครับ
ข้อมูลจาก GizmoChina