AIS ผู้นำด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทย ประกาศผลประกอบการ ไตรมาส 2 ปี 2567 ด้วยรายได้รวมกว่า 51,332 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 8,577 ล้านบาท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจท่ามกลางการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเติบโตของเทคโนโลยี 5G บริษัทยังคงมุ่งมั่นในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยตั้งงบประมาณไว้ที่ 25,000-26,000 ล้านบาท เพื่อยกระดับโครงข่าย 5G อินเทอร์เน็ตบ้าน และบริการดิจิทัลไลฟ์
ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่
ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของ AIS ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ 45.7 ล้านเลขหมาย นอกจากนี้ การเติบโตของผู้ใช้งาน 5G ยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่ง โดยเพิ่มขึ้นเป็น 10.6 ล้านเลขหมาย คิดเป็นการเติบโต 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน AIS สามารถให้บริการ 5G ได้ครอบคลุมแล้วกว่า 95% ของพื้นที่ประชากร ด้วยการถือครองคลื่นความถี่มากที่สุด ครบทั้งย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง
ธุรกิจบรอดแบนด์
ในส่วนของธุรกิจบรอดแบนด์ AIS 3BB FIBRE3 มีผู้ใช้บริการอยู่ที่ 4.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 66,900 ราย แสดงให้เห็นถึงความต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่เพิ่มขึ้นทั้งในภาคครัวเรือนและธุรกิจ บริษัทสามารถทำรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการรับรู้รายได้ของ 3BB FIBRE3 และการนำเสนอสินค้าและบริการด้วยนวัตกรรมบรอดแบนด์ไฟเบอร์ที่มากกว่าเน็ตบ้าน ตอบโจทย์ทุกบ้าน ทุกธุรกิจ
ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร
ธุรกิจบริการลูกค้าองค์กรของ AIS สร้างการเติบโตได้อย่างน่าประทับใจที่ 14% สอดคล้องกับการขับเคลื่อนดิจิทัลในทุกภาคส่วนของประเทศ ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม บริษัทมุ่งมั่นในการนำขีดความสามารถของโครงข่ายอัจฉริยะเข้าเชื่อมต่อการทำงานกับภาคธุรกิจ เพื่อยกระดับศักยภาพการทำงานขององค์กรต่างๆ นอกจากนี้ AIS ยังได้ประกาศความร่วมมือกับ Oracle Alloy ในการเปิดตัวบริการ AIS Cloud ซึ่งจะเป็น Hyperscale Cloud แห่งแรกของไทย โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในไตรมาส 1 ปี 2568
ผลประกอบการ ไตรมาส 2 ปี 2567 ของ AIS แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและความต้องการของลูกค้า การลงทุนอย่างต่อเนื่องในเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล รวมถึงการขยายบริการใหม่ๆ สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ AIS ในการเป็น “Cognitive Tech-Co” หรือองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยต่อไป
