Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Gemini Live บน Android และ Pixel ในงาน Made by Google 2024

Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Gemini Live สำหรับอุปกรณ์มือถือ Android และ Pixel ที่งาน Made by Google 2024 เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 การอัปเดตครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ช่วย AI บนมือถือเท่านั้น แต่ยังมุ่งหวังที่จะปฏิวัติวิธีที่ผู้ใช้โต้ตอบกับเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

Sissie Hsiao รองประธานและผู้จัดการทั่วไปของ Gemini experiences และ Google Assistant ได้ให้ข้อมูลว่า Gemini กำลังพัฒนาเพื่อนำเสนอความช่วยเหลือที่ขับเคลื่อนด้วย AI บนมือถือในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยมุ่งเน้นให้การใช้งานมีความเป็นธรรมชาติ สามารถสนทนาโต้ตอบได้ และมีความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้มีเป้าหมายในการช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ใช้

Gemini Live: ยกระดับการสนทนากับผู้ช่วย AI

Gemini Live เป็นฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดที่ Google นำเสนอสำหรับสมาชิก Gemini Advanced บนระบบปฏิบัติการ Android ฟีเจอร์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถสนทนากับ Gemini ได้อย่างต่อเนื่องและเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการระดมความคิดเกี่ยวกับอาชีพที่เหมาะสมกับทักษะของผู้ใช้ หรือการฝึกซ้อมสำหรับการสัมภาษณ์งานที่สำคัญ

นอกจากนี้ Gemini Live ยังรองรับการใช้งานแบบ hands-free ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสนทนากับ Gemini ได้แม้ในขณะที่แอปพลิเคชันทำงานอยู่เบื้องหลังหรือหน้าจออุปกรณ์ถูกล็อก ลักษณะการทำงานนี้มีความคล้ายคลึงกับการสนทนาทางโทรศัพท์ทั่วไป ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานอย่างมาก

Google ยังได้เพิ่มตัวเลือกเสียงพูดใหม่จำนวน 10 เสียงให้ผู้ใช้ได้เลือกใช้ การเพิ่มตัวเลือกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การสนทนากับ Gemini มีความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้

การเชื่อมต่อแบบไร้รอยต่อกับแอปพลิเคชันยอดนิยม

Google ไม่เพียงแต่พัฒนา Gemini ให้มีความสามารถทางปัญญาที่สูงขึ้นเท่านั้น แต่ยังได้ทำให้ Gemini สามารถทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ของ Google ได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น Keep, Tasks, YouTube Music และในอนาคตอันใกล้จะมีการเชื่อมต่อกับ Calendar อีกด้วย

การเชื่อมต่อแบบบูรณาการนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องสลับไปมาระหว่างแอปพลิเคชันต่าง ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถขอให้ Gemini ค้นหาสูตรอาหารจาก Gmail แล้วเพิ่มส่วนผสมลงในรายการช็อปปิ้งใน Keep ได้ในคำสั่งเดียว หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงย้อนยุคใน YouTube Music โดยไม่จำเป็นต้องให้รายละเอียดมากนัก

นอกจากนี้ การทำงานร่วมกันระหว่าง Gemini และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ยังช่วยลดความซับซ้อนในการใช้งานเทคโนโลยี ทำให้ผู้ใช้สามารถจัดการงานประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากนัก ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการทำให้เทคโนโลยี AI เข้าถึงผู้ใช้ทั่วไปได้มากขึ้น

Gemini บน Android: ประสบการณ์การใช้งานที่เหนือชั้น

การอัปเกรด Gemini บนระบบปฏิบัติการ Android ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เท่านั้น แต่เป็นการผสานรวม Gemini เข้ากับระบบปฏิบัติการ Android อย่างลงตัวและมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้สามารถเรียกใช้ Gemini ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่กดปุ่มเปิดเครื่องค้างไว้ หรือใช้คำสั่งเสียง “Hey Google” ซึ่งช่วยให้การเข้าถึง AI ผู้ช่วยเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็ว

ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจและมีประโยชน์อย่างมากคือ “Ask about this screen” ซึ่งช่วยให้ Gemini สามารถให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับข้อมูลหรือเนื้อหาที่กำลังแสดงอยู่บนหน้าจอได้อย่างทันที นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ “Ask about this video” สำหรับการถามคำถามเกี่ยวกับวิดีโอที่กำลังรับชมใน YouTube ซึ่งช่วยเพิ่มมิติใหม่ในการเรียนรู้และการรับข้อมูล

ความสามารถในการโต้ตอบกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ใช้งานอยู่แล้วเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Gemini บน Android ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถลากและวางรูปภาพที่ Gemini สร้างขึ้นไปยังแอปพลิเคชันอื่น ๆ เช่น Gmail หรือ Google Messages ได้โดยตรง ซึ่งช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการทำงาน ทำให้การใช้งานสมาร์ทโฟนมีความลื่นไหลและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

อนาคตของ Gemini: การพัฒนาอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง

Google ได้วางแผนการพัฒนา Gemini อย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงในสองด้านหลัก คือ ความเร็วในการประมวลผลและคุณภาพของการตอบสนอง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้ นอกจากนี้ ยังมีแผนในการพัฒนาการเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นกับแอปพลิเคชันอื่น ๆ ของ Google เช่น Google Home, Phone และ Messages ในเดือนต่อ ๆ ไป

พร้อมกันนี้ Gemini จะถูกใช้เป็นผู้ช่วยเริ่มต้นบน Google Pixel 9 เพื่อให้ประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนพร้อม AI ในชีวิตประจำวันที่ดีขึ้นอีกด้วย

แต่ถึงอย่างไร Google ยังตระหนักดีว่าการพัฒนา AI ไม่ใช่เรื่องง่าย และยังมีความท้าทายอีกมากมายที่ต้องเผชิญ เช่น การรักษาความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้ การปรับปรุงความแม่นยำในการประมวลผล และการทำให้ AI เข้าใจบริบทและความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ Google ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลจาก Google Blog

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน