Google เปิดตัว Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL สมาร์ทโฟนเรือธง พร้อม Gemini AI

Google เปิดตัว Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นล่าสุดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยปีนี้มาพร้อมกับความเซอร์ไพรส์ด้านขนาดที่ตอบโจทย์ผู้ใช้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น มาพร้อมกับนวัตกรรมล้ำสมัยและการอัปเกรดที่น่าสนใจหลายประการ

สำหรับ Pixel 9 Pro มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชอบสมาร์ทโฟนขนาดกะทัดรัด ส่วน Pixel 9 Pro XL ก็ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการจอใหญ่ด้วยขนาด 6.8 นิ้ว การเพิ่มตัวเลือกขนาดนี้แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจของ Google ต่อความต้องการที่หลากหลายของผู้ใช้ มาดูกันว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่นี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

ดีไซน์ที่ลงตัว สวยงามทุกมุมมอง

Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL มาพร้อมกับดีไซน์ที่เน้นความเรียบหรูด้วยขอบเรียบและกรอบโลหะขัดเงา ตัดกับด้านหลังที่เป็นกระจกแบบด้านอย่างลงตัว กล้องหลักยังคงอยู่ในแถบยาวเช่นเดิม แต่ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับตัวเครื่องมากขึ้น ทั้งสองรุ่นมีให้เลือก 4 สีสันสวยงาม ได้แก่ Obsidian, Hazel, Rose Quartz และ Porcelain

การออกแบบใหม่นี้ไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการใช้งานจริงด้วย ขอบเรียบช่วยให้จับถือได้มั่นคงขึ้น ขณะที่วัสดุระดับพรีเมียมให้ความรู้สึกหรูหราเมื่อสัมผัส นอกจากนี้ การออกแบบกล้องที่เรียบเนียนกว่าเดิมยังช่วยลดการสะดุดเมื่อวางบนโต๊ะหรือใส่กระเป๋า แสดงให้เห็นถึงการใส่ใจในรายละเอียดของ Google

Google Pixel 9 Pro

หน้าจอคมชัด สว่างสดใส

ทั้ง Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL ใช้จอแสดงผลแบบ LTPO OLED ที่รองรับอัตรารีเฟรชแบบไดนามิกตั้งแต่ 1-120Hz เพื่อการแสดงผลที่ลื่นไหลและประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีความสว่างสูงสุดถึง 3,000 nits ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ใช้งานกลางแจ้ง หน้าจอทั้งสองรุ่นได้รับการปกป้องด้วย Gorilla Glass Victus 2 เพื่อความทนทานสูงสุด

  • Pixel 9 Pro: หน้าจอขนาด 6.3 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 2856 พิกเซล
  • Pixel 9 Pro XL: หน้าจอขนาด 6.8 นิ้ว ความละเอียด 1344 x 2992 พิกเซล

เทคโนโลยี LTPO OLED ช่วยให้หน้าจอสามารถปรับอัตรารีเฟรชได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่ 1Hz สำหรับการแสดงผลภาพนิ่ง ไปจนถึง 120Hz สำหรับการเลื่อนหน้าจอหรือเล่นเกม ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสว่างสูงสุด 3,000 nits นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในจอที่สว่างที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟนปัจจุบัน ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสบายตาแม้ในสภาพแสงแดดจ้า

กล้องระดับมืออาชีพ

ระบบกล้องของ Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL จะเหมือนกันทั้ง 2 รุ่น ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ ประกอบด้วยกล้องหลัก 3 ตัว คือ

  • กล้องหลัก: ความละเอียด 50MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.31 นิ้ว
  • กล้องอัลตร้าไวด์: ความละเอียด 48MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55 นิ้ว
  • กล้องซูม 5x: ความละเอียด 48MP ขนาดเซ็นเซอร์ 1/2.55 นิ้ว
Google Pixel 9 Pro

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบโฟกัส Multi-zone LDAF ที่ช่วยให้การจับโฟกัสแม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนกล้องหน้าได้รับการอัปเกรดเป็นความละเอียด 42MP ทำให้การถ่ายเซลฟี่มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

การอัปเกรดกล้องครั้งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มความละเอียดเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการประมวลผลภาพที่ล้ำสมัย เช่น Pixel Shift ที่ช่วยเพิ่มรายละเอียดให้กับภาพ และ Ultra-HDR ที่ช่วยให้ภาพมีช่วงไดนามิกที่กว้างขึ้น ทำให้เห็นรายละเอียดทั้งในส่วนที่สว่างและมืดได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ความสามารถในการถ่ายวิดีโอ 8K ที่ 30fps ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายวิดีโอบนสมาร์ทโฟนอีกด้วย

ประสิทธิภาพสูงด้วยชิปเซ็ต Tensor G4

Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Tensor G4 ที่ผลิตด้วยกระบวนการ 4nm ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานมากขึ้น ทั้งสองรุ่นมาพร้อม RAM 16GB และมีให้เลือกหลายความจุตั้งแต่ 128GB ไปจนถึง 1TB

ชิปเซ็ต Tensor G4 นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีหน่วยประมวลผล AI ที่ทรงพลัง ช่วยให้สามารถทำงานที่ต้องใช้ปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการประมวลผลภาพ การแปลภาษาแบบเรียลไทม์ หรือการจดจำเสียง

อีกหนึ่งการอัปเกรดที่น่าสนใจคือการเปลี่ยนมาใช้เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบอัลตราโซนิก ซึ่งทำงานได้เร็วขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากจะเร็วขึ้นแล้ว เซ็นเซอร์แบบนี้ยังสามารถทำงานได้แม้นิ้วมือเปียกหรือมีคราบเล็กน้อย ทำให้การใช้งานสะดวกยิ่งขึ้น

แบตเตอรี่อึด ชาร์จเร็ว

  • Pixel 9 Pro: แบตเตอรี่ขนาด 4,700mAh
  • Pixel 9 Pro XL: แบตเตอรี่ขนาด 5,060mAh

ทั้งสองรุ่นรองรับการชาร์จแบบมีสาย 45W ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 70% ในเวลาเพียง 30 นาที พร้อมทั้งรองรับการชาร์จไร้สายด้วยกำลังไฟ 23W และ 21W ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเร็วกว่าการชาร์จไร้สายทั่วไปในท้องตลาด นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์การชาร์จไร้สายแบบย้อนกลับ ที่ช่วยให้สามารถชาร์จอุปกรณ์อื่นๆ เช่น หูฟังไร้สาย หรือสมาร์ทวอทช์ได้อีกด้วย

ฟีเจอร์อัจฉริยะด้วย Gemini AI

Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL มาพร้อมกับ Android 14 และได้รับการรับประกันอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปี นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Gemini AI ที่ช่วยเพิ่มความสามารถด้าน AI ให้กับสมาร์ทโฟน เช่น Magic Editor สำหรับแก้ไขรูปภาพขั้นสูง และ Circle to Search ที่ช่วยให้ค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

Gemini AI ไม่เพียงแต่ช่วยในการแก้ไขรูปภาพเท่านั้น แต่ยังสามารถวิเคราะห์เนื้อหาในภาพได้อย่างชาญฉลาด เช่น การแนะนำเมนูอาหารจากภาพถ่ายวัตถุดิบในตู้เย็น หรือการสร้างคำบรรยายภาพอัตโนมัติ นอกจากนี้ ฟีเจอร์ Pixel Screenshots ยังใช้ Gemini AI ในการวิเคราะห์และจัดการข้อมูลในภาพถ่ายหน้าจอ ทำให้การค้นหาข้อมูลย้อนหลังทำได้ง่ายขึ้น

ราคาและวันวางจำหน่าย

  • Pixel 9 Pro: เริ่มต้นที่ $999
  • Pixel 9 Pro XL: เริ่มต้นที่ $1,099

Pixel 9 Pro XL จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 22 สิงหาคม 2024 ส่วน Pixel 9 Pro จะวางจำหน่ายในวันที่ 4 กันยายน 2024 สำหรับสหรัฐอเมริกา และ 9 กันยายน 2024 สำหรับยุโรป ทั้งสองรุ่นมีให้เลือกหลายความจุ ตั้งแต่ 128GB, 256GB, 512GB ไปจนถึง 1TB สำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลจำนวนมาก

Google ยังได้เปิดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับช่วงเปิดตัว โดยลูกค้าที่สั่งจองล่วงหน้าจะได้รับส่วนลดพิเศษสำหรับรุ่น 256GB และ 512GB นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอพิเศษที่รวม Pixel Buds Pro หรือ Pixel Watch 2 สำหรับผู้ที่ซื้อ Pixel 9 Pro หรือ Pixel 9 Pro XL ในช่วงแรก ซึ่งถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการอัปเกรดอุปกรณ์ Google ทั้งระบบ

Google Pixel 9 Pro

Google Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL : ก้าวใหม่ของสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม

Google Pixel 9 Pro และ Pixel 9 Pro XL นับเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่น่าจับตามองในปี 2024 ด้วยการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่สวยงาม ประสิทธิภาพที่แข็งแกร่ง และฟีเจอร์อัจฉริยะที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบัน การมีตัวเลือกทั้งรุ่นขนาดกะทัดรัดและรุ่นจอใหญ่ทำให้ Pixel 9 Series ตอบโจทย์ผู้ใช้ได้หลากหลายกลุ่มมากขึ้น

การอัปเกรดที่โดดเด่นในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นชิปเซ็ต Tensor G4 ที่ทรงพลัง ระบบกล้องที่ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก และเทคโนโลยีหน้าจอล่าสุด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Google ในการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่ไม่เพียงแต่มีสเปกที่แรง แต่ยังมีฟีเจอร์อัจฉริยะที่ช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันสะดวกสบายยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การรับประกันอัปเดตซอฟต์แวร์นานถึง 7 ปียังเป็นจุดขายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในการรักษามูลค่าและประสิทธิภาพของอุปกรณ์ในระยะยาว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการลงทุนกับสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียม

ข้อมูลจาก GSMArena

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน