Google เปิดตัว Pixel Watch 3 นาฬิกาอัจฉริยะรุ่นล่าสุดอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมาพร้อมกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่น่าสนใจหลายประการ แม้ว่าดีไซน์ภายนอกจะยังคงคล้ายคลึงกับรุ่นก่อนหน้า แต่มีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่น่าจับตามอง
ขนาดให้เลือกถึงสองรุ่น ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่หลากหลาย
ครั้งแรกสำหรับ Pixel Watch ที่มีให้เลือกถึงสองขนาด ได้แก่ 41 มิลลิเมตร และ 45 มิลลิเมตร ทำให้ผู้ใช้สามารถเลือกขนาดที่เหมาะกับข้อมือของตนเองได้มากขึ้น นอกจากนี้ ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับหน้าจอที่สว่างขึ้นถึง 2,000 นิต ซึ่งเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนหน้าที่มีความสว่างเพียง 1,000 นิต ทำให้การมองเห็นในที่แจ้งทำได้ง่ายขึ้น
เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด UWB และ Bluetooth LE Audio
Pixel Watch 3 นับเป็นนาฬิกาอัจฉริยะ Android รุ่นแรกที่มาพร้อมกับชิป UWB (Ultra-Wideband) ซึ่งช่วยให้การปลดล็อคโทรศัพท์หรือรถยนต์ทำได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการค้นหานาฬิกาได้ง่ายขึ้นหากทำหาย ด้วยฟีเจอร์ Find My Device ของ Google
นอกจากนี้ ยังรองรับ Bluetooth LE Audio ซึ่งเป็นโปรโตคอลการส่งสัญญาณเสียงแบบประหยัดพลังงาน ทำให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงหรือพอดแคสต์ได้ยาวนานขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่
สำหรับระบบปฏิบัติการ Pixel Watch 3 ใช้เป็น Wear OS 5.0 เวอร์ชั่นล่าสุด
ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น พร้อมฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครบครัน
Pixel Watch 3 ยังคงใช้ชิปประมวลผล Snapdragon W5+ Gen 1 เช่นเดียวกับรุ่นก่อนหน้า แต่มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ที่ครบครัน ทั้งการวัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ECG, SpO2, เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิผิว และ GPS นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่าง Readiness Score ที่ช่วยประเมินระดับการฟื้นตัวของร่างกาย ทำให้ผู้ใช้สามารถวางแผนการออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม
แบตเตอรี่ที่อึดขึ้น (นิดนึง) พร้อมการชาร์จที่เร็วขึ้น
แม้ว่ารุ่น 41 มิลลิเมตรจะยังคงใช้แบตเตอรี่ขนาด 310 mAh เช่นเดิม แต่รุ่น 45 มิลลิเมตรมาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นที่ 420 mAh ทั้งสองรุ่นสามารถใช้งานได้นานถึง 24 ชั่วโมงแม้จะเปิดหน้าจอแสดงผลตลอดเวลา นอกจากนี้ การชาร์จยังเร็วขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
ราคาและวันวางจำหน่าย
Pixel Watch 3 มีให้เลือกหลากหลายสี ได้แก่ Matte Black Aluminum, Polished Silver Aluminum, Champagne Gold Aluminum (เฉพาะรุ่น 41 มม.) และ Matte Hazel Aluminum (เฉพาะรุ่น 45 มม.) โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 349 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่น 41 มม. และ 399 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับรุ่น 45 มม. ในส่วนของรุ่นที่รองรับ LTE จะมีราคาเพิ่มขึ้นอีก 100 ดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 10 กันยายนนี้
ข้อมูลจาก GSM Arena