สวัสดีครับ วันนี้ TechOffiside เราได้สรุปข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สเปค รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ iPhone 16, 16 Plus, 16 Pro และ 16 Pro Max ก่อนเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้
กระแสข่าวเกี่ยวกับการเปิดตัว iPhone 16, 16 Plus, 16 Pro และ 16 Pro Max ในปีนี้คาดว่าจะไม่มีการเลื่อนหรือเปลี่ยนจากปีที่แล้ว โดยคาดกันว่า แอปเปิลจะจัดงานเปิดตัวกันในวันที่ 10 กันยายน 2567 พร้อมกับเริ่มเปิดสั่งจองวันศุกร์ที่ 13 กันยายน และเริ่มวางจำหน่ายสำหรับ Tier แรก วันที่ 20 กันยายน
ตลอดช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา มีข้อมูลข่าวหลุดออกมาบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ที่มีความน่าสนใจในเรื่องของการอัปเกรดฮาร์ดแวร์หลายอย่าง รวมถึงไปถึงความสามารถด้านซอฟต์แวร์ใหม่ ในบทความนี้ TechOffside เราได้รวบรวมข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ และคาดว่ามีแนวนโน้มที่จะเกิดชึ้นในการเปิดตัว iPhone 16 series ที่กำลังจะมาถึง
มีมือถือเครื่องใหม่แล้ว อย่าลืมนำมือถือเครื่องเก่ามาทิ้งให้ถูกที่เพื่อโลกที่ดีกว่าไปด้วยกันนะครับ
AIS ชวนทุกคนมาฝากทิ้ง E-Waste หรือมือถือเก่า ที่ AIS Shop และจุดรับทิ้งกว่า 2,500 จุดทั่วประเทศ เช็กจุดรับทิ้งได้ที่
https://sustainability.ais.co.th/th/sustainability-projects/ais-ewaste/collection-channels
หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับรุ่น Pro
สเปค หน้าจอของ iPhone 16 Pro และ Pro Max มีแนวโน้มที่จะมีขนาดใหญ่ขึ้น คาดว่า iPhone 16 Pro จะมีหน้าจอขนาด 6.27 นิ้ว ในขณะที่ iPhone 16 Pro Max จะมีหน้าจอขนาด 6.86 นิ้ว ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นก่อนหน้าที่มีขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้วตามลำดับ
การเพิ่มขนาดหน้าจอนี้อาจเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ที่ชื่นชอบหน้าจอขนาดใหญ่สำหรับการรับชมวิดีโอ เล่นเกม หรือทำงานบนมือถือ นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า Apple อาจใช้เทคโนโลยีขอบจอบางเฉียบ (Border Reduction Structure) เพื่อลดขนาดขอบจอให้เล็กลง ทำให้สามารถเพิ่มพื้นที่หน้าจอได้โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดตัวเครื่องมากนัก
นั่นแปลว่าถึงแม้หน้าจอจะใหญ่ขึ้น แต่ขนาดและน้ำหนักของไอโฟนก็จะไม่ได้เปลี่ยนจากรุ่นก่อนมากนัก (เราหวังว่าอย่างนั้น)
รุ่นมาตรฐาน เปลี่ยนการจัดวางกล้องคู่เป็นแนวตั้ง
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus จะมีการเปลี่ยนแปลงการจัดวางกล้องหลังจากแนวทแยงมุมมาเป็นแนวตั้ง โดยจะมีลักษณะเป็นรูปทรงยาวรี (pill-shaped) ที่ยกสูงขึ้น ภายในจะมีวงแหวนแยกสำหรับเลนส์กล้อง Wide และ Ultra Wide
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ปรับเปลี่ยนเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังมีจุดประสงค์เชิงฟังก์ชันด้วย โดยคาดว่าการจัดวางกล้องแนวตั้งนี้จะช่วยให้ iPhone 16 รุ่นมาตรฐานสามารถบันทึกวิดีโอแบบ Spatial ได้ ซึ่งเดิมทีเป็นฟีเจอร์ที่มีเฉพาะใน iPhone 15 Pro เท่านั้น การเพิ่มความสามารถนี้อาจเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอุปกรณ์ความจริงผสม (Mixed Reality) ที่ Apple กำลังพัฒนาอยู่
แบตเตอรี่ที่มีการปรับปรุง
การอัปเกรดแบตเตอรี่เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้ใช้สมาร์ทโฟนให้ความสนใจ สำหรับ iPhone 16 มีการคาดการณ์ว่าจะมีการปรับปรุงความจุแบตเตอรี่ในหลายรุ่น โดย iPhone 16 อาจมีแบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับ iPhone 15 ในขณะที่ iPhone 16 Pro Max อาจมีความจุเพิ่มขึ้น 5% และ iPhone 16 Pro อาจเห็นการเพิ่มขึ้นถึง 9%
อย่างไรก็ตาม มีข่าวลือว่า iPhone 16 Plus อาจมีความจุแบตเตอรี่ลดลง 9% ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ แต่ Apple อาจชดเชยด้วยการใช้เทคโนโลยีแบตเตอรี่แบบซ้อนชั้น (stacked battery) เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานและยืดอายุการใช้งาน
40W Fast Charging และ 20W MagSafe
ข่าวลือเกี่ยวกับการชาร์จเร็วใน iPhone 16 Pro และ Pro Max ระบุว่าอาจรองรับการชาร์จแบบสายที่ 40W และการชาร์จแบบไร้สาย MagSafe ที่ 20W ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก iPhone 15 Pro ที่รองรับการชาร์จสูงสุดที่ 27W สำหรับการชาร์จแบบสาย และ 15W สำหรับ MagSafe
การเพิ่มความเร็วในการชาร์จนี้จะช่วยลดเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มลงอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความจุแบตเตอรี่ที่อาจเพิ่มขึ้นใน iPhone 16 Pro และ Pro Max อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้อาจต้องซื้ออะแดปเตอร์ชาร์จใหม่เพื่อใช้ประโยชน์จากความสามารถในการชาร์จเร็วนี้อย่างเต็มที่
เพิ่มปุ่ม Action ในรุ่นมาตรฐาน
ปุ่ม Action ซึ่งเดิมมีเฉพาะใน iPhone 15 Pro และ Pro Max คาดว่าจะถูกนำมาใช้ใน iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ด้วย ปุ่มนี้จะแทนที่สวิตช์ปิดเสียงแบบเดิม และสามารถตั้งค่าให้ทำงานได้หลากหลายฟังก์ชัน เช่น เปิดไฟฉาย เปิดกล้อง เรียกใช้ Shortcut เปิดหรือปิดโหมด Focus ใช้งาน Translate และเปิดหรือปิดโหมดเงียบ
การเพิ่มปุ่ม Action ในรุ่นมาตรฐานจะช่วยให้ผู้ใช้ iPhone ทุกรุ่นสามารถเข้าถึงฟังก์ชันที่ใช้บ่อยได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานโดยรวมของผู้ใช้ iPhone ทุกระดับ
ปุ่ม Capture สำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ
หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าสนใจของ iPhone 16 คือการเพิ่มปุ่ม Capture ซึ่งจะเป็นปุ่มที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอ ปุ่มนี้จะบริเวณขอบเครื่องด้านขวาล่าง และจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่หลากหลาย โดยปุ่มนี้จะเพิ่มให้กับ iPhone 16 ทุกรุ่น
ผู้ใช้สามารถปัดนิ้วไปทางซ้ายหรือขวาบนปุ่มเพื่อซูมเข้าหรือออก กดเบาๆ เพื่อโฟกัสที่วัตถุ และกดแรงขึ้นเพื่อเริ่มการบันทึก ให้ความรู้สึกเหมือนการใช้ปุ่มชัตเตอร์ในการถ่ายภาพจริงๆ เป็นสิ่งที่น่าจะทำให้การถ่ายภาพและวิดีโอด้วยไอโฟนมีความสะดวกและง่ายมากขึ้น
การอัปเกรดกล้อง Ultra Wide
iPhone 16 Pro และ Pro Max มีแนวโน้มที่จะได้รับการอัปเกรดกล้อง Ultra Wide เป็นความละเอียด 48 ล้านพิกเซล เท่ากับกล้องหลัก การอัปเกรดนี้จะช่วยให้กล้องสามารถรับแสงได้มากขึ้น ส่งผลให้ภาพถ่ายในโหมด 0.5x มีคุณภาพดีขึ้น โดยเฉพาะในสภาพแสงน้อย
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถถ่ายภาพ ProRAW ขนาด 48 ล้านพิกเซลในโหมด Ultra Wide ได้ ซึ่งจะช่วยให้มีรายละเอียดในไฟล์ภาพมากขึ้นสำหรับการแก้ไขภาพในภายหลัง และสามารถพิมพ์ภาพขนาดใหญ่ได้โดยไม่สูญเสียคุณภาพ สำหรับ iPhone 16 Pro Max อาจมีการใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX903 ขนาด 48 ล้านพิกเซลที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ซึ่งอาจให้คุณภาพภาพที่ดียิ่งขึ้นไปอีก
กล้อง Telephoto ซูมได้ถึงระยะ 300mm
สำหรับกล้อง Telephoto มีการคาดการณ์ว่า iPhone 16 Pro Max อาจมาพร้อมกับกล้อง super telephoto ที่ใช้เทคโนโลยีเลนส์แบบ periscope ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการซูมออปติคัลได้อย่างมาก โดยปกติแล้ว กล้อง super telephoto จะมีทางยาวโฟกัสมากกว่า 300mm ซึ่งเทียบกับกล้อง telephoto ปัจจุบันที่มีทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 77 mm
การเพิ่มความสามารถนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพวัตถุที่อยู่ไกลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยไม่สูญเสียคุณภาพของภาพ ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพกีฬา สัตว์ป่า หรือแม้แต่การถ่ายภาพบุคคลที่ต้องการฉากหลังที่เบลอมาก ๆ อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้อาจมีเฉพาะใน iPhone 16 Pro Max เท่านั้น ในขณะที่ iPhone 16 Pro อาจยังคงใช้เลนส์ telephoto แบบเดิมที่มีซูมออปติคัล 3x
ชิป A18 ในทุกรุ่น พร้อมอัปเกรด Neural Engine
iPhone 16 ทุกรุ่นคาดว่าจะมาพร้อมกับชิป A18 รุ่นใหม่ ซึ่งผลิตด้วยกระบวนการ 3 นาโนเมตรรุ่นที่สองของ TSMC ชิปใหม่นี้น่าจะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและประหยัดพลังงานมากขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า Neural Engine ในชิป A18 จะมีจำนวนคอร์เพิ่มขึ้น เพื่อช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของฟีเจอร์ AI และงานประมวลผลการเรียนรู้ของเครื่อง
การใช้ชิป A18 ในทุกรุ่นของ iPhone 16 จะแตกต่างจากปีก่อนที่มีการแบ่งแยกชิประหว่างรุ่นมาตรฐานและรุ่น Pro อย่างชัดเจน การตัดสินใจนี้อาจเป็นผลมาจากความต้องการรองรับฟีเจอร์ AI ที่จะมาพร้อมกับ iOS 18 ซึ่งต้องการประสิทธิภาพการประมวลผลที่สูง
อย่างไรก็ตาม Apple อาจยังคงมีการแบ่งแยกระหว่างชิป A18 และ A18 Pro เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างรุ่นมาตรฐานและรุ่น Pro โดยชิป A18 Pro อาจมีประสิทธิภาพที่สูงกว่าในด้านของกราฟิกและการประมวลผล AI ซึ่งจะช่วยรองรับฟีเจอร์ขั้นสูงที่มีเฉพาะในรุ่น Pro
รองรับ Wi-Fi ที่เร็วขึ้น
ในส่วนของการเชื่อมต่อ iPhone 16 Pro และ Pro Max อาจรองรับ Wi-Fi 7 ซึ่งสามารถใช้งานคลื่นความถี่ 2.4GHz, 5GHz และ 6GHz พร้อมกันได้ ส่งผลให้มีความเร็ว Wi-Fi ที่เร็วขึ้น ความหน่วงต่ำลง และการเชื่อมต่อที่เสถียรมากขึ้น ในขณะที่ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus อาจรองรับ Wi-Fi 6E ซึ่งทำงานบนคลื่นความถี่ 6 GHz ช่วยให้มีความเร็วไร้สายที่เร็วขึ้นและลดการรบกวนสัญญาณ
ระบบระบายความร้อนแบบใหม่
เพื่อแก้ไขปัญหาความร้อนที่พบใน iPhone 15 Pro Apple กำลังพัฒนาระบบระบายความร้อนแบบใหม่สำหรับ iPhone 16 โดยมีการคาดการณ์ว่าจะใช้ระบบระบายความร้อนแบบกราฟีน ซึ่งมีคุณสมบัติในการนำความร้อนที่ดีกว่าทองแดงที่ใช้ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า iPhone 16 Pro อาจมีการเพิ่มแผ่นกราไฟต์ขนาดใหญ่ขึ้นภายในตัวเครื่อง และอาจมีการใช้เคสแบตเตอรี่แบบโลหะเพื่อช่วยในการระบายความร้อน การปรับปรุงเหล่านี้จะช่วยให้ iPhone 16 สามารถรักษาประสิทธิภาพการทำงานที่สูงได้เป็นเวลานานโดยไม่เกิดปัญหาความร้อนสูงเกินไป
อัปเกรดไมโครโฟน
Apple กำลังวางแผนที่จะอัปเกรดไมโครโฟนใน iPhone 16 โดยมีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน Siri ที่จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ AI ใหม่ใน iOS 18 โดยที่ไมโครโฟนใหม่นี้จะมีอัตราส่วนสัญญาณต่อสัญญาณรบกวน (signal-to-noise ratio) ที่ดีขึ้นอย่างมาก
การปรับปรุงนี้จะช่วยให้ Siri สามารถรับฟังและเข้าใจคำสั่งเสียงได้แม่นยำยิ่งขึ้น แม้ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน นอกจากนี้ ยังอาจช่วยปรับปรุงคุณภาพของการบันทึกเสียงและการโทรวิดีโอด้วย
ตัวเลือกความจุเพิ่มขึ้น
มีรายงานว่า iPhone 16 Pro และ Pro Max อาจมีตัวเลือกความจุสูงสุดที่ 2TB เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก iPhone 15 Pro ที่มีความจุสูงสุดที่ 1TB การเพิ่มความจุนี้อาจเป็นผลมาจากการใช้เทคโนโลยี NAND แบบ Quad-Level Cell (QLC) ซึ่งสามารถเพิ่มความจุได้มากขึ้นในพื้นที่เท่าเดิม
การเพิ่มความจุนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น วิดีโอความละเอียดสูง หรือผู้ที่ต้องการใช้งาน iPhone เป็นอุปกรณ์หลักในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การใช้ QLC NAND อาจส่งผลให้ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลช้าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ TLC NAND ที่ใช้ในปัจจุบัน
RAM เพิ่มขึ้น เริ่มต้นที่ 8GB
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus อาจมาพร้อมกับ RAM ขนาด 8GB ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 6GB ใน iPhone 15 และ 15 Plus การเพิ่ม RAM นี้จะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานแบบ multitasking ทำให้สามารถเปิดใช้งานแอพพลิเคชันหลายตัวพร้อมกันได้อย่างราบรื่นมากขึ้น
นอกจากนี้ การเพิ่ม RAM ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับฟีเจอร์ AI ที่จะมาพร้อมกับ iOS 18 ซึ่งต้องการหน่วยความจำที่มากขึ้นในการประมวลผล การปรับปรุงนี้จะช่วยให้ iPhone 16 รุ่นมาตรฐานสามารถรองรับการใช้งานที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ ลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพระหว่างรุ่นมาตรฐานและรุ่น Pro
Polished Titanium Finish แบบใหม่
iPhone 16 Pro และ Pro Max อาจมาพร้อมกับการเคลือบไทเทเนียมแบบใหม่ที่มีความมันวาวมากขึ้น แตกต่างจาก iPhone 15 Pro ที่มีพื้นผิวแบบด้าน การปรับปรุงนี้จะทำให้ iPhone 16 Pro มีลักษณะที่คล้ายคลึงกับสแตนเลสสตีลที่ใช้ใน iPhone รุ่นก่อนหน้า แต่ยังคงข้อดีของไทเทเนียมในด้านความแข็งแรงและน้ำหนักที่เบา
กระบวนการผลิตใหม่นี้จะช่วยให้ตัวเครื่องมีความทนทานต่อรอยขีดข่วนมากขึ้นเมื่อเทียบกับสแตนเลสสตีล ในขณะเดียวกันก็ให้ความรู้สึกหรูหราและมีระดับ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นการตอบสนองต่อความคิดเห็นของผู้ใช้ที่ชื่นชอบลุคแบบมันวาวของ iPhone รุ่นก่อนหน้า
ตัวเลือกสีใหม่
iPhone 16 Pro และ Pro Max คาดว่าจะมีตัวเลือกสีใหม่ ได้แก่ สีดำ, สีขาวหรือเงิน, สีเทาหรือ “Natural Titanium” และสีโรส ซึ่งอาจมีลักษณะคล้ายสีบรอนซ์ภายใต้แสงบางประเภท การเปลี่ยนแปลงนี้อาจหมายถึงการยกเลิกสี Blue Titanium ที่มีใน iPhone 15 Pro
สำหรับ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus คาดว่าจะมีสีดำ, เขียว, ชมพู, น้ำเงิน และขาว โดยสีขาวจะมาแทนที่สีเหลืองของ iPhone 15 ในขณะที่สีอื่น ๆ ยังคงเหมือนเดิม การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยในตัวเลือกสีนี้อาจเป็นการปรับให้เข้ากับเทรนด์การออกแบบล่าสุดและความต้องการของผู้บริโภค
สรุป สเปค ฟีเจอร์ใหม่ ใน iPhone 16, 16 Plus, 16 Pro และ 16 Pro Max
จากข้อมูลที่มีการหลุดและลือมา ดูเหมือนว่าปีนี้ iPhone 16 จะมีการอัปเกรดที่น่าสนใจจากรุ่นก่อนหน้าหลายอย่างด้วยกัน ทั้งขนาดหน้าจอ ประสิทธิภาพกล้อง แบตเตอรี่ และความสามารถในการประมวลผล การเพิ่มปุ่ม Action และ Capture ในรุ่นมาตรฐาน รวมถึงการอัปเกรด Neural Engine และไมโครโฟนเพื่อรองรับฟีเจอร์ AI ใหม่ ๆ แสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Apple ในการยกระดับประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ทุกระดับ
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ยังเป็นเพียงข่าวลือและการคาดการณ์ ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ก่อนการเปิดตัวจริง ซึ่งต้องติดตามกันต่อไปว่า จะตรงตามข้อมูลหรือมีฟีเจอร์อะไรซ่อนเอาไว้อีก โดยที่การเปิดตัว iPhone 16 series ทั้ง 4 รุ่น ทางแอปเปิลจะจัดในช่วงต้นเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ (คาดกันว่าจะเป็นวันที่ 10 กันยายน)
สำหรับการวางจำหน่ายถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อน ประเทศไทยจะได้วางจำหน่ายในกลุ่มแรก โดยจะเริ่มเปิดให้สั่งจองตั้งแต่วันศุกร์ที่ 13 กันยายน และเริ่มวางจำหน่ายวันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2567