รีวิว Kingston XS1000R สีแดง รุ่นใหม่ ไดรฟ์ SSD พกพา สะดวกใช้งานได้หลากหลาย

ในยุคที่การจัดเก็บข้อมูลในยุคดิจิทัลต้องการความรวดเร็วและความจุสูง Kingston ผู้นำด้านผลิตภัณฑ์หน่วยความจำระดับโลก ได้เปิดตัว XS1000R External SSD สีแดง ใหม่ ที่มาพร้อมกับดีไซน์กะทัดรัดและประสิทธิภาพที่น่าประทับใจ ไดรฟ์ SSD ภายนอกรุ่นนี้ไม่เพียงแต่ตอบโจทย์ด้านความเร็วและพื้นที่จัดเก็บเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่สวยงามจนคว้ารางวัลการออกแบบระดับโลก

มาดูกันว่า Kingston XS1000R เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ จะตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้อย่างไรบ้าง

แกะกล่อง

ในกล่องผลิตภัณฑ์มีสายเคเบิล USB Type-C to USB Type-A และอะแดปเตอร์ USB Type-A to USB Type-C มาให้ ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับพอร์ต USB แบบเก่าและใหม่ได้โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม

ดีไซน์สวยล้ำ พกพาสะดวก

รีวิว Kingston XS1000R External SSD สีแดง

Kingston XS1000R โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบา ด้วยขนาดเพียง 69.54 x 32.58 x 13.5 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 28.7 กรัม ทำให้พกพาได้อย่างสะดวกสบาย สามารถใส่กระเป๋าเสื้อหรือกางเกงได้อย่างง่ายดาย

รีวิว Kingston XS1000R External SSD สีแดง

ตัวเคสของ Kingston XS1000R ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง ผสมผสานระหว่างโลหะและพลาสติก ให้ความรู้สึกแข็งแรงทนทานในการใช้งาน และระบายความร้อนระหว่างใช้งานได้ดี และตัวเลือกใหม่ สีแดง ช่วยเพิ่มความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์ ทำให้หาได้ง่ายแม้อยู่ในกระเป๋าที่มีของเยอะ นอกจากนี้ ดีไซน์อันโดดเด่นของ XS1000 ยังได้รับการการันตีด้วยรางวัล Red Dot Award ประจำปี 2567 ในสาขาการออกแบบผลิตภัณฑ์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรางวัลด้านการออกแบบที่ทรงเกียรติที่สุดในโลก

ตัวพอร์ตที่ตัว External SSD นั้นจะเป็นแบบ USB-C ในการใช้งานตัวสายที่แถมมาให้นั้นจะเป็น USB-C to USB-A เพื่อใช้กับอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์รุ่นเก่า แต่ถ้าต้องการใช้กับสมาร์ทโฟน, iPhone, iPad หรือคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ๆ จะต้องใช้อะแดปเตอร์ที่แถมมาเสียบเปลี่ยนหัว ก็จะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นมาพอสมควร

ประสิทธิภาพเหนือชั้น รองรับการใช้งานหลากหลาย

XS1000R มาพร้อมกับอินเตอร์เฟซ USB 3.2 Gen 2 ที่ให้ความเร็วสูงสุดในการอ่านข้อมูลที่ 1,050 MB/s และเขียนข้อมูลที่ 1,000 MB/s ซึ่งถือว่าเร็วกว่าฮาร์ดดิสก์แบบเดิมหลายเท่าตัว ทำให้การถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่เป็นไปอย่างรวดเร็ว

รีวิว Kingston XS1000R External SSD สีแดง

ไดรฟ์รุ่นนี้ใช้เทคโนโลยี NAND แบบ 3D TLC (Triple-Level Cell) ซึ่งให้ความเร็วและความทนทานสูง เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปและงานที่ต้องการความเร็วสูง อย่างไรก็ตาม ผลการทดสอบพบว่าประสิทธิภาพอาจลดลงเมื่อต้องเขียนไฟล์ขนาดใหญ่มากๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน ซึ่งอาจไม่เหมาะกับงานตัดต่อวิดีโอระดับมืออาชีพ

XS1000R มีให้เลือกสองขนาดความจุ คือ 1TB และ 2TB ซึ่งเพียงพอสำหรับการเก็บไฟล์เอกสาร รูปภาพ และวิดีโอจำนวนมาก ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งส่วนตัวและทางธุรกิจ

ความเข้ากันได้สูง ใช้งานได้หลากหลายอุปกรณ์

จุดเด่นอีกอย่างของ Kingston XS1000R คือความเข้ากันได้สูงกับอุปกรณ์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแม้แต่สมาร์ททีวีและเครื่องเล่นเกมคอนโซล โดยรองรับระบบปฏิบัติการ Windows, macOS, Linux, Chrome OS, Android และ iOS/iPadOS

iPhone 15 + Kingston XS1000R = กล้องถ่ายวิดีโอ 4K 60 ProRES

ด้วยความสามารถของพอร์ต USB-C บน iPhone 15 Pro Max สามารถนำเอา Kingston XS1000R เสียบต่อกับตัวไอโฟนแล้วถ่ายวิดีโอเลือกโปรไฟล์คุณภาพสูงระดับ 4K 60 ProRES แล้วบันทึกที่ไดร์ฟได้โดยตรง ไม่ต้องบันทึกในหน่วยความจำเครื่องแล้วค่อยโอน ทำให้ลดระยะเวลาในการทำงานในการโอนถ่ายข้อมูลขนาดหลายร้อย GB หรือถ้าคุณมี Kingston XS1000R หลายตัว ก็สามารถถอดเสียบสลับในเวลาที่ถ่ายวิดีโอคลิปยาวๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

ตัวช่วยเรื่องพื้นที่เก็บข้อมูล สำหรับครีเอเตอร์สายโมบายที่ต้องการความคล่องตัว

และตอนนี้ที่ iPhone ได้เปลี่ยนมาตรฐานพอร์ตเชื่อมต่อมาเป็น USB-C แล้วตั้งแต่ iPhone 15 ทำให้การใช้งาน Kingston XS1000R สำหรับเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพื้นที่บน iCloud หรือการถ่ายโอนข้อมูลผ่านคอมพิวเตอร์

และยังช่วยให้คุณใช้ไฟล์งาน ภาพ และวิดีโอ เพื่อทำงานข้ามอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ คุณสามารถสำรองข้อมูล ถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ หรือแม้แต่เล่นวิดีโอความละเอียดสูงจาก XS1000R โดยตรงบนสมาร์ทโฟนได้ทันที ซึ่งสะดวกอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมโดยไม่ต้องเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่

รีวิว Kingston XS1000R External SSD สีแดง

และด้วยความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลบนมาตรฐาน USB 3.2 Gen 2 ทำให้สามารถถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ เช่น วิดีโอ 4K หรือภาพถ่ายความละเอียดสูงจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว หรือถ้าอยากจะตัดต่อวิดีโอโดยที่ฟุตเทจเก็บเอาไว้ในไดร์ฟ Kingston XS1000R ก็สามารถทำได้ ด้วยความเร็วในการเขียนอ่านระดับ 1,000 MB/s ผู้ใช้สามารถทำงานตัดต่อวิดีโอโดยตรงจากไดรฟ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องคัดลอกไฟล์ลงในอุปกรณ์ก่อน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาและพื้นที่จัดเก็บภายในอุปกรณ์ได้อย่างมาก นักตัดต่อวิดีโอมือสมัครเล่นหรือผู้ที่ทำคอนเทนต์บน social media สามารถถ่ายวิดีโอด้วยสมาร์ทโฟน บันทึกลงใน XS1000R โดยตรง และทำการตัดต่อบนแล็ปท็อปหรือแท็บเล็ตได้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความหน่วงหรือการกระตุกของภาพขณะตัดต่อ

นอกจากนี้ตัวไดร์ฟนั้นใช้พลังงานค่อนข้างต่ำ ช่วยให้ประหยัดพลังงานเวลาเสียบใช้งานกับสมาร์ทโฟนโดยไม่โดนเบียดเบียนพลังงานไป ทำให้ใช้งานได้อย่างไม่ติดขัด

Kingston XS1000R จึงเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่น่าสนใจสำหรับการทำงานบนหลากหลายอุปกรณ์ โดยเฉพาะสายครีเอเตอร์ที่ตอนนี้นิยมใช้ iPhone และสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ในการถ่ายวิดีโอ คุณไม่จำเป็นต้องมีหน่วยความจำในเครื่องที่ใหญ่ แล้วใช้วิธีเก็บไฟล์มีเดียเอาไว้ในไดร์ฟ แล้วทำงานข้ามไปยังอุปกรณ์อื่น อย่างเช่นถ่ายคลิปด้วย iPhone แล้วย้ายไฟล์ไปเสียบกับ iPad เพื่อตัดต่อ ก็ทำได้ทันที

ข้อได้เปรียบของ External SSD ที่ดีกว่าแบบ HDD

เมื่อเปรียบเทียบกับฮาร์ดดิสก์แบบพกพา (HDD) ทั่วไป Kingston XS1000R มีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนในหลายด้าน ประการแรก ด้วยเทคโนโลยี SSD ทำให้ XS1000R มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูงกว่า HDD หลายเท่าตัว โดยทั่วไปแล้ว SSD สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้เร็วกว่า HDD ประมาณ 5-10 เท่า ซึ่งหมายความว่าการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่หรือการเปิดโปรแกรมจะทำได้รวดเร็วกว่ามาก

นอกจากนี้ XS1000R ยังมีความทนทานต่อการกระแทกและการสั่นสะเทือนมากกว่า HDD เนื่องจากไม่มีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวภายใน ทำให้มีโอกาสเสียหายจากการตกหล่นหรือกระแทกน้อยกว่า ซึ่งเป็นข้อดีสำคัญสำหรับอุปกรณ์พกพา

ในแง่ของการใช้พลังงาน XS1000R ก็มีประสิทธิภาพสูงกว่า HDD ทำให้ใช้งานได้นานกว่าเมื่อต่อกับอุปกรณ์พกพาอย่างแล็ปท็อปหรือสมาร์ทโฟน

อีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่สำคัญคือขนาดและน้ำหนัก XS1000R มีขนาดเล็กกว่าและเบากว่า HDD แบบพกพาทั่วไปอย่างมาก ทำให้สะดวกในการพกพาและใช้พื้นที่น้อยกว่า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการความคล่องตัวสูง

รีวิว Kingston XS1000R External SSD สีแดง

จุดเด่นและข้อควรพิจารณา

Kingston XS1000R มีข้อดีหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่สูง และราคาที่ค่อนข้างคุ้มค่าเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับ อย่างไรก็ตาม มีข้อควรพิจารณาอยู่ด้วยบางประการ เช่น ไม่มีการป้องกันน้ำและฝุ่น (ไม่มีมาตรฐาน IP rating) และไม่มีระบบเข้ารหัสข้อมูลแบบฮาร์ดแวร์ ซึ่งผู้ใช้อาจจะต้องระมัดระวังในการใช้งาน

การรับประกันและบริการหลังการขาย

Kingston มอบการรับประกันแบบจำกัดเงื่อนไขเป็นระยะเวลา 5 ปี พร้อมบริการทางเทคนิคฟรี ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกัน นอกจากนี้ ยังมีซอฟต์แวร์ Kingston SSD Manager ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะและประสิทธิภาพของไดรฟ์ได้อย่างง่ายดาย

รีวิว Kingston XS1000R External SSD สีแดง

กลุ่มเป้าหมายและการใช้งานที่เหมาะสม

Kingston XS1000R ถือว่าเป็น External SSD ที่เหมาะสำหรับผู้ใช้หลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ที่ต้องการพกพาข้อมูลการเรียนไปใช้ในที่ต่าง ๆ พนักงานออฟฟิศที่ต้องการสำรองข้อมูลสำคัญ หรือนักเดินทางที่ต้องการเก็บภาพและวิดีโอจำนวนมาก ด้วยขนาดที่กะทัดรัดและประสิทธิภาพที่สูง ทำให้ XS1000R เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ SSD พกพาที่ใช้งานได้หลากหลาย

ราคาของ Kingston XS1000R สีแดง อยู่ที่ 2,990 บาท สำหรับรุ่น 1TB และ 4,6900 บาทสำหรับรุ่น 2TB ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับไม่สูงเกินไปสำหรับความจุที่ได้ สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ชั้นนำและเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซทั่วไป

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

รีวิว Kingston XS1000R สีแดง รุ่นใหม่ ไดรฟ์ SSD พกพา สะดวกใช้งานได้หลากหลาย
ไดร์ฟ SSD สีแดงเด่นเป็นสง่า
Kingston XS1000 External SSD รุ่นใหม่ สีแดง สุดเท่ ตอบดีไซน์กะทัดรัด น้ำหนักเบาเพียง 28.7 กรัม พกพาสะดวกทุกที่ ประสิทธิภาพสูงด้วยความเร็วอ่าน/เขียนสูงสุด 1,050/1,000 MB/s รองรับการเชื่อมต่อ USB 3.2 Gen 2 ใช้งานได้ทั้ง Windows, Mac, Android และ iOS รวมถึง iPhone 15 , iPhone 16 ด้วยพอร์ต USB-C มาพร้อมความจุให้เลือก 1TB และ 2TB เหมาะสำหรับการทำงาน ตัดต่อวิดีโอ และความบันเทิง พร้อมรับประกัน 5 ปี
การออแบบ
90
ประสิทธิภาพ
80
ฟีเจอร์การใช้งาน
75
ความคุ้มค่ากับราคา
75
จุดเด่น
ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
ความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูง
รองรับการเชื่อมต่อ USB 3.2 Gen 2
ใช้งานได้กับหลากหลายอุปกรณ์ ทั้ง PC, Mac, Android, และ iOS
ใช้พลังงานน้อย เสียบใช้กับสมาร์ทโฟนไม่กินแบต
ข้อสังเกต
ไม่มีระบบป้องกันน้ำและฝุ่น (ไม่มี IP rating)
ไม่มีระบบเข้ารหัสข้อมูลแบบฮาร์ดแวร์
ความจุสูงสุดมีให้เลือกแค่ 1TB และ 2TB
ไม่มีสาย USB-C to USB-C มาให้ในกล่อง (มีเฉพาะสาย USB-C to USB-A และอะแดปเตอร์)
80

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน