สรุปข้อมูล สเปค ของ Apple Watch Series 10 ที่กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 9 กันยายนนี้ คาดว่าจะมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจมากมาย ทั้งเซ็นเซอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ที่แม่นยำขึ้น ความสามารถในการตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ หน้าปัดนาฬิกาใหม่ที่ตอบสนองต่อแสง และความสามารถในการกันน้ำที่เหนือกว่ารุ่นก่อน นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงขนาดหน้าจอให้ใหญ่ขึ้น พร้อมกับการปรับปรุงอัลกอริธึมในการประมวลผลข้อมูลสุขภาพ
ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจที่มีข้อมูลหลุดออกมาก่อนหน้านี้ ระบุว่า ทางแอปเปิลจะปรับปรุงเซ็นเซอร์วัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) และอัตราการเต้นของหัวใจให้มีความแม่นยำมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ใหม่อย่างการตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Apnea) โดยผู้ใช้จะต้องสวม Apple Watch ขณะนอนหลับเป็นเวลาหลายวันเพื่อให้ระบบวิเคราะห์และวินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ
ส่วนของดีไซน์ หน้าตาอาจจะไม่ต่างจากรุ่นก่อนๆ แต่จะมีหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น โดยคาดว่าจะมีขนาด 44 มม. และ 48 มม. ซึ่งใหญ่กว่ารุ่นปัจจุบันที่มีขนาด 41 มม. และ 45 มม. การเพิ่มขนาดหน้าจอนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นข้อมูลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเปิดโอกาสให้ Apple สามารถเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้มากขึ้น
หนึ่งในฟีเจอร์ที่น่าสนใจคือหน้าปัดนาฬิกาใหม่ที่ชื่อว่า “Reflections” ซึ่งจะตอบสนองต่อแสงในสภาพแวดล้อม ทำให้หน้าปัดมีความสวยงามและเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแสงรอบๆ ตัว นอกจากนี้ยังมีหน้าปัด Hermès ใหม่ชื่อ “Regatta” ที่ออกแบบมาสำหรับการแข่งขันเรือใบโดยเฉพาะ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเริ่มจับเวลาได้อย่างรวดเร็วจากหน้าปัดนี้โดยตรง
รวมไปถึงประสิทธิภาพในการกันน้ำที่ดีขึ้น โดย สเปค ของ Apple Watch Series 10 จะได้รับการรับรองสำหรับกีฬาทางน้ำความเร็วสูงที่ความลึกถึง 20 เมตร ซึ่งเป็นการยกระดับจากรุ่นปัจจุบันที่กันน้ำได้ที่ความลึก 50 เมตรแต่ไม่แนะนำให้ใช้ในกิจกรรมดำน้ำ การปรับปรุงนี้ทำให้ Apple Watch Series 10 จะมีแอพ Depth ที่เคยมีเฉพาะใน Apple Watch Ultra เท่านั้น
นอกจากนี้ Apple ยังมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการประมวลผลข้อมูลสุขภาพที่เก็บรวบรวมโดยเซ็นเซอร์ต่างๆ โดยจะใช้อัลกอริธึมใหม่ในแอพ Health บน iPhone เพื่อตรวจหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ แทนที่จะประมวลผลบน Apple Watch โดยตรง ซึ่งอาจช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ
ข้อมูลจาก 9to5Mac
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok