ChatGPT แชทบอท AI ชื่อดังจาก OpenAI สร้างปรากฏการณ์ใหม่อีกครั้ง ด้วยยอดผู้ใช้งานรายสัปดาห์ที่พุ่งทะลุ 200 ล้านคนแล้ว นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 100 ล้านคนเมื่อปีที่แล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมและความเชื่อมั่นที่ผู้คนมีต่อเทคโนโลยี AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความสำเร็จของ ChatGPT ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้ใช้งานทั่วไปเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาคธุรกิจด้วย โดย OpenAI เผยว่า 92% ของบริษัทใน Fortune 500 ได้นำผลิตภัณฑ์ของพวกเขาไปใช้งานแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าองค์กรขนาดใหญ่กำลังให้ความสำคัญกับ AI มากขึ้นเรื่อยๆ
แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผู้คนกำลังใช้เครื่องมือของเราเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน ส่งผลกระทบอย่างแท้จริงในด้านต่างๆ เช่น การดูแลสุขภาพและการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือในงานประจำ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน หรือการปลดล็อกความคิดสร้างสรรค์”
นอกจากนี้ การเปิดตัว GPT-4o Mini เมื่อเดือนที่แล้วยังส่งผลให้การใช้งาน API ของ OpenAI เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แสดงให้เห็นว่านักพัฒนาและทีมเทคโนโลยีกำลังมองหาวิธีนำพลังของ AI มาใช้ในแอปพลิเคชันและบริการของตนมากขึ้น
ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของ AI อย่าง ChatGPT มีปัจจัยหลายประการ ทั้งความรวดเร็ว ความชาญฉลาด และความง่ายในการใช้งาน ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูล แก้ปัญหา และแม้แต่เขียนเนื้อหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความสามารถในการปรับตัวของ AI ทำให้มันสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลากหลายสาขา ตั้งแต่เทคโนโลยี สุขภาพ ไปจนถึงการศึกษาและธุรกิจ
สำหรับภาคธุรกิจ ChatGPT มอบโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและปรับปรุงการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า โดยสามารถจัดการงานต่างๆ เช่น การตอบคำถามทั่วไป การช่วยวิเคราะห์ข้อมูล และการให้ข้อมูลเชิงลึกตามแนวโน้มต่างๆ ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้บริษัทสามารถใช้ทีมงานมนุษย์สำหรับงานที่ซับซ้อนมากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภาพโดยรวมเพิ่มขึ้น
ในขณะที่มองไปข้างหน้า เห็นได้ชัดว่าเครื่องมือ AI อย่าง ChatGPT จะยังคงมีบทบาทสำคัญทั้งในพื้นที่ส่วนตัวและธุรกิจ ด้วยความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัว เครื่องมือเหล่านี้จะยิ่งพัฒนาขึ้นในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ การทำงานอย่างต่อเนื่องของ OpenAI ในด้านนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่งในการเป็นผู้นำด้านการพัฒนา AI
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok