สรุปข้อมูล ราคา iPhone 16 ทุกรุ่น ทั้ง iPhone 16, 16 Plus, 16 Pro และ 16 Pro Max เครื่องศูนย์ไทย ที่ปีนี้ราคาแทบทุกรุ่น ถูกลงกว่า iPhone 15 ปีที่แล้ว 1,000-4,000 บาท
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อย สำหรับ iPhone 16 สมาร์ทโฟนจากแอปเปิลที่หลายคนรอคอยกัน ปีนี้มีการปรับสเปคและเสริมประสิทธิภาพสำหรับการทำงานรอบด้าน ทั้งด้านการถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ การประมวลผลต่างๆ รวมไปถึงความพร้อมสำหรับการทำงานด้าน AI ร่วมกับ Apple Intellegence
มีมือถือเครื่องใหม่แล้ว อย่าลืมนำมือถือเครื่องเก่ามาทิ้งให้ถูกที่เพื่อโลกที่ดีกว่าไปด้วยกันนะครับ
AIS ชวนทุกคนมาฝากทิ้ง E-Waste หรือมือถือเก่า ที่ AIS Shop และจุดรับทิ้งกว่า 2,500 จุดทั่วประเทศ เช็กจุดรับทิ้งได้ที่
https://sustainability.ais.co.th/th/sustainability-projects/ais-ewaste/collection-channels
ก่อนจะไปดูสรุปข้อมูลทั้งหมด ของ ราคา iPhone 16 เครื่องศูนย์ไทย ที่ปีนี้เรายังคงได้เป็น Tier แรก ได้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนนี้ และเริ่มวางจำหน่าย 20 กันยายน 2567 เรามาอัปเดตข้อมูลของ iPhone ทั้ง 4 รุ่นนี้กันก่อนว่า แต่ละรุ่นมีอะไรน่าสนใจบ้าง
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus
ไอโฟนรุ่นมาตรฐาน ที่มีการออกแบบที่สวยงามและทนทาน โดย iPhone 16 มีหน้าจอขนาด 6.1 นิ้ว ส่วน iPhone 16 Plus มีหน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว ทั้งคู่ใช้เทคโนโลยีหน้าจอ Super Retina XDR ที่ให้ความสว่างสูงและสีสันสมจริง พร้อมฟีเจอร์ Dynamic Island ที่แสดงการแจ้งเตือนและข้อมูลสำคัญแบบไดนามิก
จุดเด่นที่น่าสนใจคือ การเพิ่มปุ่ม Action จากที่ปีที่แล้วมีเฉพาะในรุ่นโปร มาปีนี้รุ่นมาตฐานก็มีให้ด้วย เป็นปุ่มที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่กดปุ่มเดียว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดกล้อง ไฟฉาย หรือแม้แต่การควบคุมฟังก์ชันของแอปพลิเคชันอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมใหม่อย่างตัวควบคุมกล้อง (Camera Control) ที่ผสมผสานฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมการถ่ายภาพและวิดีโอได้อย่างสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ระบบกล้องคู่ของ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus ก็ถือเป็นไฮไลท์สำคัญ โดยมีกล้องหลัก Fusion 48MP พร้อมเทเลโฟโต้ 2 เท่า ที่ให้คุณภาพระดับออปติคัล ทำให้เหมือนมีกล้อง 2 ตัวในกล้องเดียว และกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP ที่รับแสงได้มากขึ้นถึง 2.6 เท่า ช่วยให้ได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงขึ้นในทุกสภาพแสง นอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพและวิดีโอเชิงมิติพื้นที่ได้ เพื่อรองรับการรับชมบน Apple Vision Pro ในอนาคต
ขุมพลังของ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus คือชิป A18 ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตร รุ่นที่ 2 มาพร้อมประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานที่ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด CPU แบบ 6-core ทำงานเร็วกว่าชิป A16 Bionic ถึง 30% ขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง 30% ส่วน GPU แบบ 5-core ก็เร็วกว่าถึง 40% และประหยัดพลังงานมากกว่า 35% ชิป A18 ยังรองรับเทคโนโลยีเรย์เทรซซิ่งที่เร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ทำให้เกมต่างๆ แสดงพฤติกรรมของแสงได้สมจริงยิ่งขึ้น
อีกสิ่งสำคัญก็คือ การรองรับ Apple Intelligence อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นระบบ AI อัจฉริยะที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงความสามารถของ Siri ให้เข้าใจภาษาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การสร้างเนื้อหาอัจฉริยะ หรือแม้แต่การประมวลผลภาพถ่ายและวิดีโอ โดยทั้งหมดนี้ทำงานบนพื้นฐานของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้
โดยสรุป iPhone 16 และ iPhone 16 Plus นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีล่าสุดของ Apple ที่ช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนในทุกด้าน ตั้งแต่การออกแบบที่สวยงามและทนทาน ระบบกล้องที่ทรงพลัง ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูง ไปจนถึงระบบ AI อัจฉริยะที่ช่วยให้การใช้งานสะดวกและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max
ในปีนี้ ไอโฟนรุ่นโปร ได้รับการยกระดับนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัย ทั้งสองรุ่นโดดเด่นด้วยดีไซน์ไทเทเนียมที่ทนทานแต่น้ำหนักเบา พร้อมจอแสดงผล Super Retina XDR ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 6.3 นิ้วสำหรับ Pro และ 6.9 นิ้วสำหรับ Pro Max ซึ่งถือเป็นจอภาพที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone
มีปุ่ม Action ที่สามารถปรับแต่งการใช้งานได้ตามความต้องการของผู้ใช้ ช่วยให้เข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วและสะดวกยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีตัวควบคุมกล้อง (Camera Control) ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ผสมผสานฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์เข้าด้วยกัน ช่วยให้การถ่ายภาพและวิดีโอทำได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ระบบกล้องของ iPhone 16 Pro และ Pro Max ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ด้วยกล้อง Fusion 48MP ใหม่ที่มาพร้อมเซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel ทำให้สามารถถ่ายภาพและวิดีโอได้คมชัดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการบันทึกวิดีโอ Dolby Vision ระดับ 4K ที่ 120 fps ซึ่งถือเป็นคู่ความละเอียดและอัตราเฟรมที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาบน iPhone
ในด้านการบันทึกเสียง iPhone 16 Pro และ Pro Max มาพร้อมกับไมโครโฟนคุณภาพระดับสตูดิโอ 4 ตัว ที่สามารถบันทึกเสียงได้อย่างสมจริงและชัดเจน พร้อมฟีเจอร์ Audio Mix ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงหลังจากบันทึกได้อย่างมืออาชีพ
หัวใจสำคัญของประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของ iPhone 16 Pro และ Pro Max คือชิป A18 Pro สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี 3 นาโนเมตรรุ่นที่ 2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและประหยัดพลังงานยิ่งขึ้น พร้อม Neural Engine แบบ 16-core ที่เร็วขึ้นและ GPU แบบ 6-core ที่ทำให้การประมวลผลภาพและการเล่นเกมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
นอกจากนี้ iPhone 16 Pro และ Pro Max ยังรองรับ Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะที่ช่วยให้การทำงานต่างๆ ในชีวิตประจำวันง่ายและรวดเร็วขึ้น รวมถึงการปรับปรุง Siri ให้มีความเป็นธรรมชาติและยืดหยุ่นมากขึ้น สามารถเข้าใจภาษาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
โดยสรุป iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max เป็นสมาร์ทโฟนที่รวมเอาเทคโนโลยีล้ำสมัยและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไว้ด้วยกัน ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลายทั้งด้านการถ่ายภาพ วิดีโอ เสียง และประสิทธิภาพการทำงานโดยรวม ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ทโฟนระดับพรีเมียมที่มีประสิทธิภาพสูง
ราคา iPhone 16, 16 Plus, 16 Pro และ 16 Pro Max เครื่องศูนย์ไทย
iPhone 16 และ iPhone 16 Plus จะมีให้เลือก 5 สี ได้แก่ น้ำเงินอัลตร้ามารีน เขียวอมฟ้า ชมพู ขาว และดำ โดยมีให้เลือกทั้งความจุ 128GB, 256GB และ 512GB
- iPhone 16 128GB ราคา 29,900 บาท
- iPhone 16 256GB ราคา 33,900 บาท
- iPhone 16 512GB ราคา 41,900 บาท
- iPhone 16 Plus 128GB ราคา 34,900 บาท
- iPhone 16 Plus 256GB ราคา 38,900 บาท
- iPhone 16 Plus 512GB ราคา 46,900 บาท
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max จะมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ ไทเทเนียมดำ ไทเทเนียมธรรมชาติ ไทเทเนียมขาว และไทเทเนียมทะเลทราย โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 ความจุ คือ 128GB (เฉพาะ iPhone 16 Pro), 256GB, 512GB และ 1TB
- iPhone 16 Pro 128GB ราคา 39,900 บาท
- iPhone 16 Pro 256GB ราคา 43,900 บาท
- iPhone 16 Pro 512GB ราคา 51,900 บาท
- iPhone 16 Pro 1TB ราคา 59,900 บาท
- iPhone 16 Pro Max 256GB ราคา 48,900 บาท
- iPhone 16 Pro Max 512GB ราคา 56,900 บาท
- iPhone 16 Pro Max 1TB ราคา 64,900 บาท
ผู้ที่สนใจสามารถสั่งจองล่วงหน้าได้ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน เวลา 19:00 น. (เวลาประเทศไทย) ผ่านทาง Apple Store online และ Apple Store ทั่วประเทศ และจะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 กันยายนนี้
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok