GoPro ผู้นำด้านกล้องแอคชั่นระดับโลก ประกาศเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ล่าสุด 2 รุ่นในประเทศไทย ได้แก่ HERO13 Black และ HERO ที่มาพร้อมฟีเจอร์ล้ำสมัยและประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ตอบโจทย์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพ พร้อมวางจำหน่ายในไทย 10 กันยายนนี้
GoPro HERO13 Black: สุดยอดกล้องแอคชั่นเรือธงรุ่นใหม่
HERO13 Black มาพร้อมความสามารถใหม่ที่โดดเด่นหลายประการ เริ่มจากระบบเลนส์อัจฉริยะ HB-Series ที่สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ 4 แบบ ได้แก่ Ultra Wide, Macro, Anamorphic และฟิลเตอร์ ND โดยกล้องจะตรวจจับเลนส์ที่ติดตั้งโดยอัตโนมัติและปรับการตั้งค่าให้เหมาะสมที่สุด
Ultra Wide Lens Mod ช่วยเพิ่มมุมมองภาพกว้างถึง 177° และอัตราส่วนภาพใหม่ 1:1 ทำให้สามารถครอบตัดฟุตเทจเป็นภาพแบบจอกว้าง 16:9 หรือแนวตั้ง 9:16 ได้อย่างอิสระ ส่วน Macro Lens Mod ช่วยให้สามารถโฟกัสวัตถุที่อยู่ใกล้กว่าเลนส์มาตรฐานได้ถึง 4 เท่า พร้อมวงแหวนโฟกัสแบบปรับได้
Anamorphic Lens Mod ช่วยให้บันทึกภาพวิดีโอมุมกว้างพิเศษในอัตราส่วน 21:9 แบบภาพยนตร์ ส่วนฟิลเตอร์ ND ช่วยสร้างโมชั่นเบลอระดับภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดาย
นอกจากนี้ยังมีแบตเตอรี่ Enduro ขนาด 1900mAh ที่มีความจุเพิ่มขึ้น 10% ช่วยให้บันทึกวิดีโอต่อเนื่องได้นานถึง 1.5 ชั่วโมงที่ความละเอียด 4K30 และ 5.3K30 หรือนานกว่า 2.5 ชั่วโมงที่ความละเอียด 1080p30
HERO 13 Black ยังมาพร้อมกับระบบกันสั่น HyperSmooth 6.0 ที่ได้รับรางวัล Emmy® ช่วยให้ภาพวิดีโอนิ่งสนิทแม้ในสภาพการถ่ายที่สั่นไหวมาก และระบบ GPS ที่ช่วยติดตามความเร็ว เส้นทาง ภูมิประเทศ และระดับความสูงได้อย่างแม่นยำ
ในปีนี้ HERO 13 Black ได้รับการพัฒนาขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการของชุมชนผู้ใช้งาน GoPro เป็นหลัก ได้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมาย ทั้งเลนส์แบบถอดเปลี่ยนได้ ระบบยึดแม่เหล็ก GPS และแบตเตอรี่ที่ทรงพลังยิ่งขึ้น
GoPro HERO: กล้อง 4K ขนาดเล็กสำหรับผู้เริ่มต้น
พร้อมกันนี้ทาง โกโปร ยังได้เปิดตัว HERO กล้องแอคชันรุ่นใหม่ ที่ได้รับการพัฒนาให้เป็นกล้อง 4K ที่มีขนาดเล็กที่สุดและน้ำหนักเบาที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยมีน้ำหนักเพียง 86 กรัม และมีขนาดเล็กกว่า HERO 13 Black ถึง 35%
HERO มาพร้อมหน้าจอสัมผัสและการควบคุมด้วยปุ่มเดียว ทำให้ใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น สามารถบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K และภาพถ่าย 12MP รวมถึงวิดีโอ Slow-motion ที่ 2.7K 60fps
ด้วยการออกแบบที่ทนทานและกันน้ำได้ลึกถึง 5 เมตร HERO จึงพร้อมสำหรับทุกการผจญภัย ไม่ว่าจะเป็นการดำน้ำตื้น เล่นกีฬาทางน้ำ หรือการท่องเที่ยวในสภาพอากาศที่ไม่เป็นมิตร
นอกจากนี้ยังมีระบบกันสั่น HyperSmooth ที่สามารถปรับแต่งได้ผ่านแอป Quik และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานกว่า 60 นาทีต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง HERO ยังรองรับการถ่ายภาพในอัตราส่วน 16:9 ซึ่งเหมาะสำหรับการอัปโหลดวิดีโอลง YouTube โดยไม่ต้องครอบตัดภาพ
แอป Quik: ยกระดับการใช้งานกล้อง GoPro
ทั้ง HERO 13 Black และ HERO สามารถใช้งานร่วมกับแอป Quik ได้ โดยแอปนี้มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น การส่งวิดีโอไฮไลท์อัตโนมัติไปยังมือถือ เครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ใช้งานง่าย และการสำรองข้อมูลบนคลาุงแบบไม่จำกัด
ผู้ใช้สามารถอัปโหลดภาพและวิดีโอไปยังคลาวด์โดยอัตโนมัติเมื่อชาร์จกล้องที่บ้าน ทำให้สะดวกในการจัดการและแชร์คอนเทนต์ แอป Quik ยังมีเครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่ใช้งานง่าย สามารถปรับแต่งวิดีโอไฮไลท์ที่แอปสร้างไว้ หรือสร้างวิดีโอใหม่ตั้งแต่ต้นได้
นอกจากนี้ แอป Quik ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานกล้อง HERO ด้วยการเพิ่มระบบกันสั่น HyperSmooth ให้กับวิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้องรุ่นนี้ ทำให้ภาพวิดีโอมีความนิ่งและมืออาชีพมากขึ้น
ราคาและช่องทางจัดจำหน่าย
HERO13 Black วางจำหน่ายในราคา 15,900 บาท โดยมีให้เลือกทั้งแบบกล้องเดี่ยวและแบบ Creator Edition ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมในราคา 23,900 บาท ส่วน HERO ราคา 7,900 บาท
ทั้งสองรุ่นสามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้แล้วที่ GoPro.com การจัดส่งสินค้าและการจำหน่ายในร้านค้าปลีกทั่วโลกจะเริ่มในวันที่ 10 กันยายนสำหรับ HERO13 Black และ 22 กันยายนสำหรับ HERO นอกจากนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เช่น เลนส์ HB-Series และขายึดแม่เหล็ก ที่วางจำหน่ายแยกต่างหาก
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
