รีวิว ASUS Vivobook S 15 (S5507) ก้าวแรกที่น่าตื่นเต้น ของโน้ตบุ๊ก Copilot+ PC

รีวิว ASUS Vivobook S 15 (S5507) โน้ตบุ๊ก Copilot+ PC รุ่นแรกในไทยจากทางเอซุส เชื่อว่าเป็นรุ่นที่หลายคนสนใจตั้งแต่มีการเปิดตัว เพราะนี่คือโน้ตบุ๊คที่ขับเคลื่อนด้วยชิเซ็ต Qualcomm Snapdragon X Elite ที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบ ARM ที่โดดเด่นในเรื่องของประสิทธิภาพทำงานระดับสูง ที่ประหยัดพลังงาน ประสานกับความสามารถด้านการประมวลผล AI ที่ล้ำสมัย

ทาง TechOffside เราได้ทดสอบใช้งานสำหรับ รีวิว ASUS Vivobook S 15 ตัวนี้สักพักใหญ่ๆ ถือว่าน่าประทับใจไม่น้อย กับประสบการณ์ใช้งานที่คล่องตัว แบตเตอรี่อยู่ต่อเนื่องได้นานอย่างเหลือเชื่อ และจะมาสรุปสิ่งที่ประทับใจ และข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจว่าตอนนี้ Copilot+ PC พร้อมแล้วหรือยังสำหรับการใช้งาน ณ เวลานี้

ดีไซน์สวยล้ำ พกพาสะดวก

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

การออกแบบหน้าตาของ ASUS Vivobook S 15 โดดเด่นด้วยตัวเครื่องวัสดุอะลูมิเนียมสี Cool Silver ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัย เป็นโทนสว่างที่ดูดีและไม่เกิดรอยนิ้วมือเมื่อถือจับ การออกแบบเน้นความบางเบา โดยมีน้ำหนักเพียง 1.42 กิโลกรัม และความหนาเพียง 14.7 มิลลิเมตร ทำให้สะดวกต่อการพกพาทั้งการไปทำงานนอกสถานที่หรือเรียนในมหาวิทยาลัย ใส่เป้สะพายหลังหรือกระเป๋าสะพายแบบ Tote ได้อย่างไม่มีปัญหา

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

หน้าจอสามารถกางออกได้กว้างสุดถึง 180 องศา สะดวกในการใช้งานพรีเซนต์และนำเสนอข้อมูลในการประชุม

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

นอกจากความสวยงามแล้ว Vivobook S 15 ยังผ่านการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานทางทหาร MIL-STD 810H ซึ่งรับประกันว่าเครื่องสามารถทนต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้ ไม่ว่าจะเป็นการสั่นสะเทือน อุณหภูมิสูง หรือความชื้น

ในด้านการเชื่อมต่อ Vivobook S 15 ถึงแม้ว่าตัวเครื่องจะมีความบาง แต่ก็ยังให้พอร์ตมาอย่างครบครัน ทั้ง USB Type-A, USB Type-C ที่รองรับ Thunderbolt 4, HDMI และช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. การจัดวางพอร์ตได้รับการออกแบบมาอย่างดี ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกไม่ว่าจะวางเครื่องในลักษณะใด

จอภาพ OLED คมชัดระดับพรีเมียม

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

หนึ่งในจุดเด่นของ Vivobook S 15 คือหน้าจอ ASUS Lumina OLED ขนาด 15.6 นิ้ว เรียกได้ว่าอีกนิดนึงก็จะ 16 นิ้วแล้ว มาพร้อมกับความละเอียด 3K (2880 x 1620 พิกเซล) และอัตรารีเฟรช 120Hz ซึ่งมอบภาพที่คมชัด สีสันสดใส และการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล และใหญ่เต็มตาม

ด้วยคุณสมบัติของจอ OLED สามารถให้ความแม่นยำของสีสูง โดยครอบคลุมช่วงสี DCI-P3 100% และได้รับการรับรอง VESA DisplayHDR True Black 600 ซึ่งหมายความว่าสามารถแสดงสีดำที่ลึกและมีคอนทราสต์สูง เหมาะสำหรับการทำงานด้านกราฟิก การตัดต่อวิดีโอ หรือการรับชมภาพยนตร์และซีรีส์

นอกจากนี้ หน้าจอยังมีเทคโนโลยีถนอมสายตา ลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายได้มากถึง 70% ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานหรือเพลิดเพลินกับความบันเทิงได้เป็นเวลานานโดยไม่เมื่อยล้าสายตา

ถือได้ว่านี่เป็นหน้าจอเกรดดีลำดับต้นๆ ที่เหมาะสำหรับทั้งการใช้งานระดับมืออาชีพที่ต้องการความเที่ยงตรงของสีและภาพ ในการทำงานภาพกราฟิกหรือวิดีโอ หรือจะงานเอกสาร ไปจนถึงการเล่นเกมและรับชมคอนเทนต์บันเทิงก็ตอบโจทย์ได้อย่างที่ต้องการ

ประสิทธิภาพเหนือชั้นด้วย Snapdragon X Elite

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

หัวใจสำคัญของ Vivobook S 15 คือโปรเซสเซอร์ Snapdragon X Elite X1E 78 100 ซึ่งเป็นชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดจาก Qualcomm ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานด้าน AI โดยเฉพาะ ด้วยหน่วยประมวลผล Neural Processing Unit (NPU) ที่มีประสิทธิภาพสูงถึง 45 TOPS (Trillion Operations Per Second) ที่ผ่านมาตรฐานของ Copilot+ PC ทำให้สามารถรันแอปพลิเคชันที่ใช้ AI ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

Vivobook S 15 มาพร้อมกับแรม LPDDR5X ขนาด 32GB และ SSD PCIe 4.0 NVMe ความจุ 1TB ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดแอปพลิเคชันและไฟล์ต่างๆ จากการทดสอบด้วยโปรแกรม Benchmark ต่างๆ พบว่า Vivobook S 15 ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในด้านประสิทธิภาพการประมวลผลแบบ Single-Core และ Multi-Core

พร้อมกันนี้ การทำงานบนแบตเตอรี่ ก็ยังได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าการเสียบสายไฟทำงาน ถือเป็นข้อได้เปรียบของสถาปัตยกรรม ARM ที่ Snapdragon X Elite ใช้ ทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ทุกที่ แม้ในขณะเดินทางหรืออยู่นอกสถานที่ก็ตาม

ผลทดสอบ GeekBench เทียบกันระหว่างเสียบใช้งานบนอะแดปเตอร์ กับทำงานบนแบตเตอรี่ จะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพในการทำงานนั้นแทบไม่ต่างกันเลย

ผลทดสอบ Cinebench R24 ก็ได้ประสิทธิภาพที่ทัดเทียมกันทั้งแบบเสียบอะแดปเตอร์และทำงานบนแบตเตอรี่

ความเร็วในการอ่านเขียนของ SSD อยู่ในระดับที่ดีมาก

ฟีเจอร์ AI และซอฟต์แวร์ล้ำสมัย

ในฐานะ Copilot+ PC เครื่องแรกในประเทศไทย Vivobook S 15 มาพร้อมกับ Windows 11 ที่มีการผสานรวม Microsoft Copilot เข้าไว้ด้วย Copilot เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่ใช้ AI ช่วยในการทำงานต่างๆ เช่น การเขียน การวิเคราะห์ข้อมูล หรือการสร้างสรรค์เนื้อหา

การเรียกใช้งาน Microsoft Copilot ก็สะดวกมากขึ้น ด้วยปุ่มลัดใหม่ที่อยู่ทางด้านขวาของ Spacebar ที่สามารถเรียกใช้งานผู้ช่วย AI ได้ทันทีที่ต้องการ

นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ AI อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น Windows Studio Effects ที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพการประชุมทางวิดีโอ โดยสามารถลดเสียงรบกวน ปรับแสง และเบลอพื้นหลังได้โดยอัตโนมัติ

ASUS ยังได้พัฒนาซอฟต์แวร์เฉพาะอย่าง ASUS StoryCube ที่ใช้ AI ในการจัดการและค้นหาไฟล์รูปภาพและวิดีโอ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ที่สำคัญ Vivobook S 15 รองรับการใช้งานแอปพลิเคชันบนสถาปัตยกรรม ARM ได้อย่างกว้างขวาง ทั้งแอปพื้นฐานอย่าง Microsoft Office ไปจนถึงแอปสำหรับมืออาชีพอย่าง Adobe Photoshop หรือ Visual Studio Code

แบตเตอรี่อึด ชาร์จไว ใช้งานได้ทั้งวัน

หนึ่งในข้อได้เปรียบของโน้ตบุ๊กที่ใช้โปรเซสเซอร์ ARM คือประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีเยี่ยม Vivobook S 15 มาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 70Wh ที่ ASUS อ้างว่าสามารถใช้งานได้นานถึง 18 ชั่วโมง ในการทดสอบการใช้งานจริง พบว่าเครื่องสามารถใช้งานได้ตลอดวันทำงานโดยไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่เพิ่ม

รวมถึงการ Standby เครื่องพับหน้าจอ ในระหว่างที่เครื่อง Sleep นั้นก็กินแบตเตอรี่น้อยมากๆ ทำให้สามารถเปิดต่อเพื่อทำงานได้ทันที

นอกจากนี้ Vivobook S 15 ยังรองรับการชาร์จเร็วด้วยกำลังไฟ 90W ผ่านพอร์ต USB-C ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% เป็น 60% ได้ในเวลาเพียง 49 นาที ซึ่งสะดวกมากสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางบ่อยหรือทำงานนอกสถานที่

รีวิว ASUS Vivobook S 15 ประสบการณ์หลังใช้งานจริง

ก่อนอื่นผมขอออกตัวก่อนว่า ส่วนตัวเป็นคนที่ใช้งาน Mac ที่ต้องยอมรับว่าประสบความสำเร็จในการพัฒนาโน้ตบุ๊คให้ทำงานบนชิปเซ็ตบนสถาปัตยกรรม ARM และการมาของ Copilot+ PC ผมนั้นรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย เพราะเชื่อว่านี่จะเป็นการเปิดประตูสู่การทำงานที่ให้ประสบการณ์และ Productivity การทำงานด้านต่างๆ ที่ดีขึ้น

ในการทดสอบการใช้งานจริง Vivobook S 15 แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่น่าประทับใจในหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การทำงานทั่วไปที่เป็นพื้นฐานของ Windows อย่างการเปิดเว็บบราวเซอร์หลายแท็บ ใช้งาน Microsoft Office และแอปพลิเคชันอื่นๆ พร้อมกัน ทำได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด ตรงนี้ปรบมือให้กับทาง Microsoft ทำการบ้านและพัฒนาตัวระบบปฏิบัติการให้ทำงานร่วมกับชิปเซ็ตได้ดีมาก ๆ

ต่อมาที่น่าสนใจมาก ก็คือประสิทธิภาพในการทำงานด้าน AI ที่เน้นให้ประสบการณ์ที่ต่างจากการทำงานบน PC ยุคก่อน โดยเฉพาะเมื่อใช้งานร่วมกับ Microsoft Copilot การสร้างเนื้อหา การวิเคราะห์ข้อมูล และการแปลภาษาทำได้รวดเร็วและแม่นยำ ฟีเจอร์ Windows Studio Effects ช่วยยกระดับคุณภาพการประชุมทางวิดีโอได้อย่างน่าทึ่ง โดยการปรับแสงอัตโนมัติและการลดเสียงรบกวนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย

เป็นข้อได้เปรียบของการใช้ Snapdragon X Elite ที่มีตัว NPU มาจัดการประมวลผลด้าน AI เหล่านี้ ทำให้ตัว CPU และ GPU ไม่ต้องมีภาระในการทำงานจุดนี้ ส่งผลให้การทำงานโดยรวมและทำงานพร้อมกันหลายแอปมีความลื่นไหลมาขึ้นอย่างรู้สึกได้

ในเรื่องของหน้าจอ OLED ให้ภาพที่สวยงามสมจริง สีสันสดใส คมชัด และสีดำที่ดำสนิท เหมาะสำหรับการทำงานด้านกราฟิกหรือการรับชมวิดีโอคุณภาพสูง การทำงานในที่มืดหรือกลางแจ้งทำได้สบายตา ด้วยความสว่างที่ปรับได้ตามสภาพแวดล้อมและการลดแสงสีฟ้า

ระบบเสียงที่ได้รับการรับรองจาก Harman/Kardon ให้คุณภาพเสียงที่ชัดเจน มีมิติ เหมาะสำหรับการฟังเพลง ดูหนัง หรือประชุมออนไลน์ แม้จะไม่ลึกเท่าลำโพงภายนอก แต่ก็ถือว่าเกินความคาดหมายสำหรับโน้ตบุ๊กขนาดบางเบา

คราวนี้มาถึงจุดสำคัญที่หลายคนกังวลกัน กับประสิทธิภาพการทำงานของโปรแกรมต่างๆ เพราะด้วยตัวชิปประมวลผลแบบ ARM นั้นมีความแตกต่างในการงานจากสถาปัตยกรรมแบบ X86

สำหรับ Windows 11 เวอร์ชั่น ARM นั้น จะสามารถรันโปรแกรมที่เป็นแบบ X86 โดยผ่าน Emulator ได้ แต่ก็อาจจะยังมีปัญหาติดขัดบ้าง ทำงานอาจจะไม่ได้เต็มประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ หรือในบางโปรแกรมก็ยังไม่สามารถเปิดได้ นี่จึงเป็นสิ่งที่หลายคนห่วงกันว่า ถ้าจะใช้งานตอนนี้ ถือว่าพร้อมแล้วหรือยัง

เราจะมาดูกันเป็นส่วนๆ ไป เริ่มจากพื้นฐาน สบายใจได้อะไรที่เป็นของ Microsoft นั้นผ่านฉลุยไม่มีปัญหา ดังนั้นใครทำงานเอกสารบน Microsoft Office นั้นหายห่วงไปได้เลย

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

มาในส่วนงานด้านกราฟิกและครีเอเตอร์ต่างๆ เริ่มจากทางค่าย Adobe นั้น ตอนนี้ตัว Photoshop, Lightroom และ Illustrator มีเวอร์ชั่น native สำหรับ ARM ออกมาเรียบร้อยแล้ว จากที่เราได้ลองใช้งานนั้น ไม่มีปัญหา ทำงานได้อย่างลื่นไหลไม่มีเอ๋อไม่มีแฮงค์

ทางด้านของสายตัดต่อ สำหรับ Premier Pro และ After Effect ในตอนที่เราได้ทดสอบนั้นยังไม่มีเวอร์ชัน native ออกมา แต่ก็มีแผนในการอัปเดตภายในปี 2024 นี้ ก็อดใจรอกันอีกนิดนึง

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

นอกจากนี้สำหรับงานด้านกราฟิค มีหลายโปรแกรมที่รองรับใช้งานแบบ Native ได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น Canva, Affinity, Capcut ส่วน Davinci Resolve 19 มีออก Public beta สำหรับ Windows ARM แล้วด้วยเช่นกัน

สำหรับสายเล่นเกมนั้น ต้องยอมรับว่าสำหรับหลายๆ เกมระดับ AAA ที่ต้องการสเปคระดับสูง หรือชุดคำสั่งเฉพาะทางบน X86 นั้นยังไม่สามารถเล่นได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเกมอะไรเล่นเลย ในการทดสอบ ผมได้ลง Steam และเล่นเกมฮิตๆ ทั่วไปอย่าง HADES, Dave the Diver ก็สามารถเปิดเล่นได้อย่างไม่มีปัญหา รวมไปถึง Genshin Impact นี่ก็เล่นได้เช่นกัน ได้ภาพกราฟิคระดับที่ดี และเฟรมเรตที่ลื่นไหล

สรุป: ASUS Vivobook S 15 โน้ตบุ๊ก AI เหมาะสำหรับใคร?

รีวิว ASUS Vivobook S 15 Snapdrag X Elite Copilot+ PC

ASUS Vivobook S 15 (S5507) ถือเป็นโน้ตบุ๊กที่น่าสนใจมากสำหรับผู้ที่ต้องการอัพเกรดมาใช้เครื่องที่รองรับการทำงานด้าน AI ด้วยราคา 46,990 บาท กับประสิทธิภาพ อาจถือว่าสูงกว่าโน้ตบุ๊กทั่วไปในระดับเดียวกันเล็กน้อย แต่ก็ได้มาซึ่งคุณสมบัติที่โดดเด่นและหาไม่ได้จากโน้ตบุ๊กรุ่นอื่น

ข้อดีของ Vivobook S 15 คือประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็วและประหยัดพลังงานแบบเหลือเชื่อ ตัวเลขที่ทาง ASUS เคลมไว้ว่า 18 ชั่วโมงที่แม้ว่าจะเป็นการทำงานในส่วนของการดูวิดีโอ แต่จากที่เราได้ทดสอบใช้งานจริงในการทำงานปกติ สามารถอยู่ได้ไม่น้อยกว่า 4-5 ชั่วโมงสำหรับการทำงานหนักๆ และเฉลี่ยทั่วไป สามารถใช้งานแบบเช้าจรดเย็นได้อย่างไม่ต้องกังวล

ตัวเครื่องภายในมีระบบระบายความร้อน แต่ต้องบอกว่าเราแทบจะไม่ได้ยินเสียงของพัดลมทำงาน หรือแม้แต่การวางทำงานบนตัก ก็ไม่ค่อยรู้สึกถึงความร้อนระหว่างทำงาน ถ้าใช้งานด้านเอกสาร เล่นเน็ต ดูวิดีโอ ทำงานในที่ไม่ใช้ห้องแอร์ก็คือแค่อุ่นๆ จะมีได้ยินเสียงพัดลมช่วยระบายความร้อนบ้างก็ตอนที่ทำงานหนักอย่างเรนเดอร์วิดีโอเท่านั้น

และด้วยการทำงานที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการทำงานด้าน AI อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งในอนาคตจะมีแอปที่เน้นการประมวลผลด้านนี้ออกมามากขึ้น ถือว่าเป็นการเตรียมพร้อมให้การประมวลผลที่ซับซ้อนสามารถทำได้รวดเร็วกว่าโน้ตบุ๊คทั่วไป

ดังนั้น ถ้าถามว่า ASUS Vivobook S 15 รุ่นนี้เหมาะสำหรับใคร ผมเชียร์ให้สำหรับคนที่ต้องโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูง พกพาสะดวก จอใหญ่แต่น้ำหนักเบา (เครื่อง+อะแดปเตอร์ชาร์จยังไม่ถึง 2 กก.) แบตอึดแบบไปนั่งทำงานร้านกาแฟ เรียนในโรงเรียนมหาวิทยาลัย ไม่ต้องกังวลต้องคอยเสียบปลั้ก หรือจะเป็นครีเอเตอร์ที่อยากมีโน้ตบุ๊คเน้นคล่องตัวแต่มีประสิทธิสูง รวมถึงคนทำงานสาย Hybrid อยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง ถือว่าสะดวกเลยล่ะสำหรับคุณกับรุ่นนี้

แต่ถ้าใครที่จะเน้นการใช้งานหนักระดับ Workstation ตัดต่อวิดีโอคลิปยาวๆ หรือจะเผื่อสำหรับเป็นเกมมิ่งโน้ตบุ๊คนั้น ส่วนตัวคิดว่ารุ่นนี้อาจจะรับมือยังไม่ไหว รวมไปถึงตัวชิปเซ็ต ARM นั้นไม่รองรับทำงานกับ eGPU ภายนอก ใครที่กะว่าจะเอามาเสียบเร่งกราฟิคก็คือทำไม่ได้นะ

และสุดท้ายที่ต้องคำนึง คือโปรแกรมที่คุณต้องการทำงานนั้น รองรับกับสภาปัตยกรรม ARM หรือเปล่า ถ้าเป็นแอปเฉพาะทางมากๆ ต้องทดสอบดูว่าถ้าใช้ผ่าน Emulator ของ Windows เองนั้นมีปัญหาหรือไม่ ส่วนแอปอื่นๆ ส่วนตัวผมเชื่อว่า ถ้าหากเป็นแอปที่มีเวอร์ชันสำหรับ Mac ที่เป็นเวอร์ชั่น Apple Silicon แล้ว เชื่อว่าในอนาคตก็จะมีออกมาใน Windows ARM ด้วยเช่นกัน

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

รีวิว ASUS Vivobook S 15 (S5507) ก้าวแรกที่น่าตื่นเต้น ของโน้ตบุ๊ก Copilot+ PC
Copilot+ PC ที่น่าใช้ที่สุด
โน้ตบุ๊คจอ OLED ใหญ่ 15.6 นิ้ว สวยคมชัด ชิปเซ็ต Snapdragon X Elite ตัวแรงสุดสำหรับสาย Copilot+ PC พร้อมสำหรับงานด้าน AI และใช้งานได้เร็วแรงโดยที่ประหยัดพลังงานอย่างเหลือเชื่อ
การออกแบบ ดีไซน์
85
ประสิทธิภาพ
90
ฟีเจอร์การใช้งาน
85
ความคุ้มค่า
80
Reader Rating0 Votes
0
จุดเด่น
ชิปเซ็ต Snapdragon X Elite สำหรับการทำงานด้าน AI
หน้าจอ OLED ใหญ่เต็มตา สีสันสดใส
ประหยัดพลังงาน แบตเตอรี่ชาร์จเร็ว
น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
ทำงานด้าน AI ได้รวดเร็ว ลดภาระ CPU และ GPU
การใช้งานบนแบตเตอรี่และเสียบอะแดปเตอร์ ได้ประสิทธิภาพแทบไม่ต่างกัน
ข้อสังเกต
โปรแกรมบางตัวยังไม่สามารถใช้งานได้บน Windows ARM
ไม่รองรับ eGPU เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านกราฟิค
หน้าจอไม่รองรับ Touchscreen
85

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน