ทรูมันนี่ ผู้นำด้านบริการทางการเงินดิจิทัลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดตัวแคมเปญ “เที่ยวสบายใจ จ่ายสบายจัง” รับกระแสท่องเที่ยวปลายปี หลังพบยอดใช้จ่ายต่างประเทศผ่านแอปทรูมันนี่เติบโตสูงถึง 10 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้บริการเมื่อปลายปี 2566
นางสาวมนสินี นาคปนันท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด เปิดเผยว่า การท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจพบว่า 43% ของผู้ใช้ทรูมันนี่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศปีละ 2-3 ครั้ง มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 20,000-40,000 บาทต่อทริป
ทั้งนี้ ยอดการสแกนจ่ายผ่าน ทรูมันนี่ ในต่างประเทศเติบโตสูงถึง 10 เท่า นับตั้งแต่เปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 โดยกลุ่มผู้ใช้หลักอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี และสูงกว่า ปัจจุบันประเทศจีนมียอดใช้จ่ายสูงสุด ขณะที่มาเลเซียก็มีการเติบโตโดดเด่น
จุดเด่นของการใช้ ทรูมันนี่ ในต่างประเทศคือ ผู้ใช้สามารถเห็นยอดการจ่ายเป็นเงินบาทไทยในหน้าแอปได้ทันที ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ อัตราแลกเปลี่ยนคงที่ และเรทดี ทำให้สะดวกสบาย คุ้มค่า และปลอดภัยในทุกการจ่าย
ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถใช้แอป ทรูมันนี่ สแกนจ่ายในประเทศท่องเที่ยวยอดนิยมกว่า 40 ประเทศ ที่ร้านและจุดรับชำระที่มีป้าย อาลีเพย์พลัส (Alipay+) โดยไม่ต้องพกบัตรหรือเงินสด ไม่ต้องแลกเงินไป-กลับ และไม่มีค่าธรรมเนียม
เพื่อเพิ่มการรับรู้ในเทศกาลท่องเที่ยวปลายปี ทรูมันนี่ จึงได้เปิดตัวแคมเปญ “เที่ยวสบายใจ จ่ายสบายจัง” พร้อมภาพยนตร์โฆษณาและกิจกรรมโรดโชว์ มอบดีลพิเศษให้ผู้ใช้งานได้เลือกใช้จ่ายในต่างประเทศ
โปรโมชันพิเศษรวมถึง ส่วนลด 100 เยนเมื่อใช้จ่ายขั้นต่ำ 1,000 เยนที่ร้านสะดวกซื้อ Lawson ในญี่ปุ่น (ถึง 31 ตุลาคม 2567) และส่วนลด 4,000 วอนเมื่อใช้จ่ายขั้นต่ำ 40,000 วอนที่ร้าน Pop Mart ในเกาหลีใต้ (ถึง 30 พฤศจิกายน 2567)
นอกจากนี้ ลูกค้า ทรูโรมมิ่ง และ ทรูทราเวลซิม สามารถรับเงินคืน 50% สูงสุด 50 บาท เมื่อใช้จ่ายที่ต่างประเทศและชำระด้วย ทรูมันนี่ (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2567) และทุกการใช้จ่ายยังได้สะสม ทรูมันนี่ คอยน์ (TrueMoney Coin) เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ผู้สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการใช้จ่ายในต่างประเทศผ่าน ทรูมันนี่ และ Alipay+ รวมถึงโปรโมชันต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ทางการของ ทรูมันนี่
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok