เปิดตัว Xiaomi 14T Series

เปิดตัว Xiaomi 14T Series ในไทย ชูคอนเซ็ปต์ Master light, capture night เสริมประสิทธิภาพด้วย Advanced AI

เสียวหมี่ ประเทศไทย เปิดตัว สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด Xiaomi 14T Series อย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว โดยชูจุดเด่นด้านการถ่ายภาพทั้งกลางวันและกลางคืนภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Master light, capture night’ พร้อมเสริมประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยี Advanced AI เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ดียิ่งขึ้น

กล้องระดับเรือธงจาก Leica พร้อมเทคโนโลยี AI

Xiaomi 14T Pro มาพร้อมกล้องหลัก 3 ตัว ที่ครอบคลุมระยะโฟกัสตั้งแต่ 15 มม. ถึง 120 มม. โดยกล้องหลักมีความละเอียด 50MP พร้อมรูรับแสงขนาดใหญ่ ƒ/1.6 และเลนส์ออปติคอล Summilux รุ่นใหม่ล่าสุดจาก Leica ที่จับคู่กับเซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31 นิ้ว ช่วยให้รับแสงได้มากขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

ส่วน Xiaomi 14T มาพร้อมเซ็นเซอร์ IMX906 ขั้นสูงจาก Sony และกล้อง 3 ตัวที่ครอบคลุมระยะโฟกัสตั้งแต่ 15 มม. ถึง 100 มม. โดยกล้องหลักมีความละเอียด 50MP รูรับแสงขนาดใหญ่ ƒ/1.7 และเลนส์ออปติคอล Summilux รุ่นล่าสุดจาก Leica เช่นกัน

ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมความสามารถในการถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ ด้วยโหมดภาพยนตร์ที่รองรับการสลับ Cinematic Blur และ Rack Focus พร้อมระบบ MasterCinema ที่บันทึกวิดีโอแบบ HDR Rec.2020 10 บิต รองรับการถ่าย 4K ที่ 30fps

เทคโนโลยี AI ยกระดับประสบการณ์การใช้งาน

Xiaomi 14T Series ได้ร่วมมือกับ Google ในการพัฒนาฟีเจอร์ AI ต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา เสียง ข้อความ รูปภาพ และวิดีโอ โดยมีฟีเจอร์เด่นๆ เช่น Circle to Search with Google ที่ช่วยให้ค้นหาสิ่งที่เห็นบนหน้าจอได้ทันที และ Google Gemini ที่เป็น AI chatbot อัจฉริยะ

นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ AI อื่นๆ อีกมากมาย เช่น AI Interpreter ช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์, AI Notes และ AI Recorder ช่วยถอดเสียงพูดเป็นข้อความและสรุปเนื้อหา, AI Image Editing ช่วยแก้ไขภาพอย่างชาญฉลาด และ AI Film ช่วยสร้างวิดีโอสั้นแบบภาพยนตร์

เปิดตัว Xiaomi 14T Series

สเปกระดับเรือธงและดีไซน์สุดพรีเมียม

Xiaomi 14T Pro ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ ที่ให้ประสิทธิภาพ CPU แบบมัลติคอร์เพิ่มขึ้นถึง 37% และประสิทธิภาพกราฟิกเพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า พร้อมระบบระบายความร้อน Xiaomi 3D IceLoop ที่ช่วยจัดการอุณหภูมิได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ Xiaomi Surge T1 Tuner ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อและคุณภาพสัญญาณเซลลูลาร์

ส่วน Xiaomi 14T ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8300-Ultra ที่ให้ประสิทธิภาพ CPU เพิ่มขึ้น 20% และ GPU เพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ช่วยให้สามารถทำงานหลายอย่างพร้อมกันได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ

ทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอ AMOLED CrystalRes ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K (2712 x 1220) ความหนาแน่นของพิกเซล 446 ppi ความลึกของสี 12 บิต ครอบคลุม DCI-P3 และความสว่างสูงสุด 4,000 nits พร้อมอัตรารีเฟรช 144Hz โดยหน้าจอแสดงผลแบบ AI รุ่นใหม่นี้จะปรับอุณหภูมิของสีและความสว่างอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมและเวลาการใช้งาน

ด้านแบตเตอรี่ ทั้ง Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh โดย Xiaomi 14T Pro รองรับการชาร์จไร้สาย 50W และ HyperCharge 120W ที่สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลาเพียง 19 นาที ส่วน Xiaomi 14T รองรับ HyperCharge 67W

ในด้านดีไซน์ Xiaomi 14T Series โดดเด่นด้วยขอบจอบางเพียง 1.7 มม. และรองรับมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68 โดย Xiaomi 14T Pro มาพร้อมกรอบโลหะที่แข็งแรงทนทานมากขึ้นถึง 116% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

เปิดตัว Xiaomi 14T Series

ราคาและโปรโมชันพิเศษ

Xiaomi 14T Pro มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Titan Gray, Titan Blue และ Titan Black วางจำหน่ายในราคา 24,990 บาท สำหรับรุ่น 12GB+1TB และ 21,990 บาท สำหรับรุ่น 12GB+512GB

Xiaomi 14T มีให้เลือก 4 สี เพิ่มสี Lemon Green วางจำหน่ายในราคา 17,990 บาท สำหรับรุ่น 12GB+512GB และ 15,990 บาท สำหรับรุ่น 12GB+256GB

สำหรับลูกค้าที่สั่งจอง Xiaomi 14T Series ช่วง เปิดตัว ระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 11 ตุลาคม 2567 จะได้รับของสมนาคุณพิเศษ โดย Xiaomi 14T Pro จะได้รับ Xiaomi Watch S3 และ 120W Charger Adapter Kit ส่วน Xiaomi 14T จะได้รับ Xiaomi OpenWear Stereo และ 67W Charger Adapter Kit พร้อม VIP Services ต่างๆ

ทั้ง Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro สามารถหาซื้อได้ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะรุ่น Xiaomi 14T Pro ความจุ 12GB+1TB จะวางจำหน่ายเฉพาะที่ Xiaomi Store และ mi.com เท่านั้น

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน