นักวิจัยชาวจีนอ้างว่า พวกเขาได้ค้นพบ “ภัยคุกคามที่เป็นจริงและร้ายแรง” ต่อการเข้ารหัสแบบเก่าที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในภาคธุรกิจธนาคารและทางการทหาร ตามรายงานที่ตีพิมพ์โดย SCMP นักวิจัยได้ใช้ คอมพิวเตอร์ควอนตัม D-Wave เพื่อทำการโจมตีเชิงควอนตัมครั้งแรกที่ประสบความสำเร็จต่ออัลกอริธึมการเข้ารหัสที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
อัลกอริธึมเหล่านี้ จัดอยู่ในกลุ่มการเข้ารหัสแบบ substitution–permutation network (SPN) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเช่น Rivest-Shamir-Adleman (RSA) และ Advanced Encryption Standard (AES)
โดยภายในเอกสารวิจัยภาษาจีนมีชื่อว่า “Quantum Annealing Public Key Cryptographic Attack Algorithm Based on D-Wave Advantage” ได้อธิบายถึงวิธีการทางเทคนิคสองแบบที่อยู่บนพื้นฐานของอัลกอริธึมการอบอ่อนเชิงควอนตัม (quantum annealing) ที่สามารถใช้ท้าทายความปลอดภัยของการเข้ารหัส RSA แบบคลาสสิก
วิธีการโจมตีแบบแรกนั้น “อิงจากคอมพิวเตอร์ D-Wave ทั้งหมด” ตามที่อธิบายในเอกสาร โดยชักจูงให้ คอมพิวเตอร์ควอนตัม ของแคนาดา ทำการโจมตีการเข้ารหัสด้วยการนำเสนอปัญหาการหาค่าที่เหมาะสมที่สุด (optimization problem) และปัญหาการค้นหาในพื้นที่แบบเอกซ์โพเนนเชียล (exponential space search problem) ให้กับคอมพิวเตอร์ ปัญหาเหล่านี้ถูกแก้ไขโดยใช้โมเดล Ising และ QUBO
วิธีการโจมตีแบบที่สองผสมผสานเทคโนโลยีการเข้ารหัสบนพื้นฐานของการคำนวณแบบคลาสสิก เช่น อัลกอริธึมลายเซ็น Schnorr และเทคนิคการปัดเศษ Babai ร่วมกับอัลกอริธึมการอบอ่อนเชิงควอนตัม เพื่อทำงาน “นอกเหนือขอบเขตของวิธีการคำนวณแบบดั้งเดิม” การประยุกต์ใช้เทคนิคข้างต้นร่วมกับความช่วยเหลือจากคอมพิวเตอร์ควอนตัม D-Wave ทำให้ทีมที่นำโดย หวัง เฉา จาก มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ อ้างว่าสามารถเจาะระบบโครงสร้าง SPN ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม หวัง เฉา ได้ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมแก่ SCMP เนื่องจากความอ่อนไหวของหัวข้อนี้ อย่างไรก็ตาม ทิศทางของการพัฒนานี้หมายความว่า AES-256 และอัลกอริธึมการเข้ารหัส ‘ระดับทหาร’ อื่นๆ กำลังใกล้จะถูกเจาะได้มากกว่าที่เคย นอกจากนี้ เทคนิคที่พึ่งพาและได้รับการสนับสนุนจากควอนตัม ตามที่กล่าวถึงในเอกสาร อาจเร่งให้เทคโนโลยีการเข้ารหัสระดับทหารและองค์กรในปัจจุบันไม่เพียงพออีกต่อไป
ข้อมูลจาก Toms Hardware
ภาพประกอบ Freepik
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok