Netflix ตัดสินใจปิดตัวสตูดิโอเกมในแคลิฟอร์เนียตอนใต้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ Team Blue ซึ่งเป็นหนึ่งในสตูดิโอภายในที่บริษัทได้จัดตั้งขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่วงการเกมระดับ AAA ตามรายงานจาก Game File สตูดิโอแห่งนี้มีแผนที่จะพัฒนาเกมขนาดใหญ่ที่สามารถเล่นได้บนหลายแพลตฟอร์ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความทะเยอทะยานของ Netflix ในการขยายธุรกิจเกมที่เดิมเน้นเฉพาะบนมือถือ โดยที่การปิดตัวครั้งนี้ส่งผลให้ผู้บริหารระดับสูงหลายคนต้องออกจากบริษัท
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา Team Blue ได้ทุ่มงบประมาณในการดึงตัวผู้มีความสามารถระดับแนวหน้าของวงการเกมเข้าร่วมทีม โดยในปลายปี 2022 Netflix ได้ดึงตัว Chacko Sonny อดีตโปรดิวเซอร์บริหารจาก Blizzard ผู้มีประสบการณ์กับเกม Overwatch และ Call of Duty มาสร้างสตูดิโอในแคลิฟอร์เนียตอนใต้แห่งนี้
และในช่วงต้นปี 2023 สตูดิโอได้เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการรับ Joseph Staten ผู้นำด้านครีเอทีฟระดับตำนานของแฟรนไชส์ Halo จาก Bungie และ 343 Industries เข้ามาทำหน้าที่ครีเอทีฟไดเรกเตอร์สำหรับเกม AAA แพลตฟอร์มใหม่ นอกจากนี้ยังได้ Rafael Grassetti อดีตอาร์ตไดเรกเตอร์จาก Sony Santa Monica ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ God of War
ล่าสุดในช่วงดือนตุลาคมที่ผ่าน ตัวแทนของ Netflix ได้ยืนยันการปิดตัว Team Blue พร้อมกับการออกจากบริษัทของผู้บริหารระดับสูงทั้งสามคน ส่งผลให้แผนการพัฒนาเกมของบริษัทต้องหยุดชะงักลง
Netflix ได้เริ่มให้บริการเกมบนมือถือมาตั้งแต่ปี 2021 โดยตั้ง Team Blue มีเป้าหมายที่จะพัฒนาเกม AAA งบประมาณสูง ซึ่งจะเป็นการขยายขอบเขตธุรกิจเกมของบริษัทให้กว้างขึ้น อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจปิดสตูดิโอที่กำลังพัฒนาเกมแพลตฟอร์มใหม่นี้ อาจสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการดำเนินธุรกิจเกมของ Netflix
รายงานในปี 2022 ชี้ให้เห็นว่ามีผู้สมัครสมาชิก Netflix น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ที่เล่นเกมบนแพลตฟอร์ม แม้ว่าบริษัทจะพยายามเพิ่มเกมคุณภาพสูงเข้ามาในคลังเกมอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ปัจจุบัน Netflix มีเกมยอดนิยมหลายเกมในคลัง อาทิ ชุดเกม Grand Theft Auto, เกมแนว roguelike อย่าง Hades, เกมสร้างบรรยากาศสบายๆ อย่าง Cozy Grove, Farming Simulator, Spiritfarer และ Rollercoaster Tycoon โดยสมาชิก Netflix สามารถเล่นเกมเหล่านี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ข้อมูลจาก : Game File | MacRumors
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok
