Qualcomm เปิดตัวชิปเซ็ตเรือธงรุ่นล่าสุด Snapdragon 8 Elite ที่มาพร้อมกับ CPU Qualcomm Oryon รุ่นที่ 2 ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดจากพื้นฐาน โดยทาง Qualcomm ระบุว่านี่คือชิปประมวลผลที่เร็วที่สุดในโลกสำหรับสมาร์ทโฟน
ในปีนี้ทางควอลคอมม์เปลี่ยนการเรียกชื่อรุ่นจากที่นับเป็น Gen 4 มาเป็นชื่อ Elite ซึ่งเป็นการวางตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ใหม่ตามสินค้าทางฝั่ง PC ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
ประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของ CPU รุ่นใหม่
ไฮไลท์สำคัญของ Snapdragon 8 Elite คือ Qualcomm Oryon ซีพียูรุ่นใหม่ที่ผลิตบนกระบวนการ 3nm ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 4.32 GHz พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลขึ้น 45% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 44% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดพลังงานโดยรวมได้ถึง 27% ทำให้เล่นเกมได้นานขึ้นถึง 2.5 ชั่วโมง
เทคโนโลยี AI อัจฉริยะ
ในด้านการประมวลผล AI ชิปรุ่นนี้รองรับการทำงานแบบ Multimodal Gen AI ที่สามารถเข้าใจทั้งเสียง ข้อความ ภาพ และสภาพแวดล้อมผ่านกล้อง เพื่อช่วยทำงานต่างๆ ตั้งแต่การตอบคำถามทั่วไปไปจนถึงการสร้างคอนเทนต์ขั้นสูง โดยมี Qualcomm Hexagon NPU ที่เร็วขึ้น 45% และมีประสิทธิภาพต่อวัตต์ดีขึ้น 45%
ระบบกล้องอัจฉริยะด้วย AI
มาพร้อม AI ISP ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายภาพและวิดีโอ รองรับการแยกวัตถุในภาพได้มากกว่า 250 เลเยอร์ พร้อมฟีเจอร์ปรับแต่งสีผิวและท้องฟ้าแบบเรียลไทม์ด้วย AI และสามารถถ่ายวิดีโอ 4K ที่ 60 FPS ได้แม้ในที่แสงน้อย นอกจากนี้ยังมีระบบรับรองความแท้จริงของภาพและวิดีโอด้วยเทคโนโลยี Truepic
ประสิทธิภาพระดับเกมมิ่ง
ด้านกราฟิค Snapdragon 8 Elite มาพร้อม จีพียู Adreno รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรมแบบ Sliced ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น 40% และประหยัดพลังงานมากขึ้น 40% รองรับ Unreal Engine 5.3 พร้อมเทคโนโลยี Nanite ที่แสดงผลกราฟิกระดับคอนโซลบนมือถือ
การเชื่อมต่อและระบบระบุตำแหน่ง
รองรับ 5G ผ่านโมเด็ม Snapdragon X80 และ Wi-Fi 7 ผ่านระบบ FastConnect 7900 ที่ประหยัดพลังงานได้มากขึ้นถึง 40% พร้อมระบบระบุตำแหน่งที่แม่นยำขึ้น 30% สามารถระบุตำแหน่งได้แม่นยำแม้อยู่ในอาคารจอดรถ
ทางควอลคอมม์เผยว่า แบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำอย่าง ASUS, Honor, iQOO, OnePlus, OPPO, realMe, Samsung, Vivo, Xiaomi และอื่นๆ จะเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ Snapdragon 8 Elite ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ข้อมูลจาก : Qualcomm
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok