รีวิว Until Dawn PS5

รีวิว Until Dawn (PS5) ยกระดับความหลอน ระทึกยิ่งกว่าเดิม

รีวิว Until Dawn (PS5) ที่ไม่ใช่การรีมาสเตอร์ แต่เป็น remake ยกเครื่องทำใหม่หมด ให้อารมณ์หลอเข้มข้นยิ่งขึ้น ทั้งกราฟิกที่สวยสมจริง ให้อารมณ์ความหลอนลุ้นระทึกกว่าเดิม รวมถึงจุดเด่นของระบบการเล่นที่ทุกการตัดสินใจเลือกของคุณมีผลต่อเรื่องราวและจุดจบของเกม

ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้ว Supermassive Games ได้สร้างความฮือฮากับเกม Until Dawn บนเครื่อง PS4 ด้วยรูปแบบเกมสยองขวัญสั่นประสาทที่มีการเล่นแนวอินเตอร์แอคทีฟดราม่า และนี่เป็นการนำเอาเกมเก่ามาทำใหม่ โดย Ballistic Moon ทีมพัฒนาเกมชุดใหม่ที่ไม่ใช่แค่การปรับปรุงภาพ ด้วยการใช้ Unreal Engine 5 แต่พวกเขายังมีการเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ๆ เข้าไป ทั้งฉากเปิดเรื่องที่ยาวขึ้น และฉากหลังเครดิตที่ให้มุมมองใหม่ต่อเรื่องราวเดิม ทำให้แม้แต่คนที่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนก็อดใจไม่ไหวที่จะกลับไปสัมผัสประสบการณ์สยองขวัญนี้อีกครั้ง

Until Dawn นำเสนอเรื่องราวสุดระทึกขวัญของกลุ่มเพื่อนแปดคนที่กลับมาพักผ่อนที่กระท่อมบนภูเขา Blackwood หลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ทำให้เพื่อนร่วมกลุ่มสองคนหายตัวไปเมื่อปีก่อน ในคืนที่หิมะโปรยปราย พวกเขาต้องเผชิญกับเหตุการณ์ประหลาดและอันตรายที่คุกคามชีวิตของทุกคน ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทเป็นตัวละครทั้งแปด สลับสับเปลี่ยนกันไปตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ผู้เล่นจะต้องใช้ไหวพริบและสัญชาตญาณในการนำพาตัวละครให้รอดพ้นจากอันตรายที่ซ่อนอยู่ในความมืด โดยที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้รอดชีวิตจนถึงรุ่งสาง

ภาพและเสียงที่สมจริงจนขนลุก

การอัพเกรดไปสู่ Unreal Engine 5 ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่สำหรับ Until Dawn บน PS5 ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนเอนจิ้นธรรมดา แต่มันเป็นการปฏิวัติภาพลักษณ์ของเกมไปโดยสิ้นเชิง เมื่อเปรียบเทียบกับเวอร์ชันดั้งเดิมบน PS4 ความแตกต่างนั้นเห็นได้ชัดราวกับคนละเกม

รายละเอียดของพื้นผิวในเกมถูกยกระดับขึ้นอย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าของเสื้อผ้าตัวละคร ผิวหนังที่มีรูขุมขนและริ้วรอยเล็กๆ หรือแม้แต่พื้นผิวของวัตถุต่างๆ ในฉาก ทุกอย่างดูสมจริงมากขึ้นจนแทบจะสัมผัสได้ ความละเอียดสูงนี้ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับโลกในเกม ทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในสถานที่จริงๆ

แอนิเมชันใบหน้าของตัวละครก็ได้รับการปรับปรุงอย่างมาก การแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าดูเป็นธรรมชาติและมีรายละเอียดมากขึ้น เราสามารถเห็นการขยับของกล้ามเนื้อใบหน้า การกะพริบตา และแม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ที่สะท้อนอารมณ์ของตัวละครได้อย่างชัดเจน สิ่งนี้ช่วยให้การแสดงของนักพากย์มีชีวิตชีวามากขึ้น และทำให้ผู้เล่นรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครได้ดียิ่งขึ้น

คุณภาพของแสงและเงาก็ไม่น้อยหน้า Unreal Engine 5 ช่วยให้การจัดแสงในเกมดูสมจริงและมีมิติมากขึ้น แสงจากไฟฉายที่ส่องผ่านความมืด เงาที่ทอดยาวบนพื้นหิมะ หรือแสงจันทร์ที่ลอดผ่านหน้าต่าง ทุกอย่างถูกคำนวณและแสดงผลอย่างละเอียด ช่วยเพิ่มบรรยากาศน่ากลัวและความตึงเครียดให้กับเกมได้อย่างยอดเยี่ยม

การเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจอีกอย่างคือการปรับเปลี่ยนมุมกล้องจากมุมตายตัวมาเป็นมุมมองบุคคลที่สาม ทำให้ผู้เล่นสามารถควบคุมมุมมองและสำรวจสภาพแวดล้อมได้อย่างอิสระมากขึ้น แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้บรรยากาศน่ากลัวแบบเดิมๆ ที่เกิดจากมุมกล้องตายตัวหายไปบ้าง แต่มันก็เพิ่มความรู้สึกเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงมากขึ้น และช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวมากกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม มีข้อจำกัดทางเทคนิคอยู่บ้าง นั่นคือการล็อกเฟรมเรตไว้ที่ 30 FPS ซึ่งอาจดูต่ำไปสำหรับเกมบนคอนโซลรุ่นใหม่ แต่ทีมพัฒนาก็พยายามชดเชยด้วยการใช้เทคนิค motion blur ที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การเคลื่อนไหวในเกมดูลื่นไหลและเป็นธรรมชาติมากขึ้น แม้จะไม่เทียบเท่ากับการเล่นที่ 60 FPS แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประสบการณ์การเล่นมากนัก

ในด้านเสียง Until Dawn ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงเอาไว้ได้ เสียงพากย์จากนักแสดงมากฝีมืออย่าง Rami Malek และ Hayden Panettiere ยังคงทำให้ตัวละครมีชีวิตชีวา การแสดงอารมณ์ผ่านน้ำเสียงทำได้อย่างสมจริง ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความตื่นเต้น หรือความสงสัย ทุกอย่างถ่ายทอดออกมาได้อย่างน่าเชื่อถือ

เสียงประกอบและดนตรีประกอบก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศหลอนได้อย่างยอดเยี่ยม เสียงลมหวีดหวิวในป่า เสียงไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าด หรือเสียงหัวใจเต้นระรัวในช่วงที่ตึงเครียด ทุกอย่างถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสร้างความรู้สึกหวาดกลัวและความตื่นเต้นให้กับผู้เล่น

โดยรวมแล้ว การปรับปรุงด้านภาพและเสียงใน Until Dawn เวอร์ชัน PS5 นี้ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม มันไม่ใช่แค่การยกระดับกราฟิกให้สวยขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นและทำให้ผู้เล่นรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในโลกของเกมอย่างแท้จริง แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องเฟรมเรตอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้คุณค่าโดยรวมของเกมลดลงแต่อย่างใด

รีวิว Until Dawn PS5

เกมเพลย์ที่เน้นการตัดสินใจและการสำรวจ

Until Dawn นำเสนอรูปแบบการเล่นที่เน้นการเล่าเรื่องแบบอินเตอร์แอคทีฟ โดยผู้เล่นจะได้ควบคุมตัวละครทั้ง 8 คนสลับกันไปตามเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น หัวใจสำคัญของเกมเพลย์อยู่ที่การตัดสินใจของผู้เล่น ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางของเรื่องราวและชะตากรรมของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นการเลือกบทสนทนา การตัดสินใจในสถานการณ์คับขัน หรือแม้แต่การเลือกเส้นทางในการสำรวจ ทุกอย่างล้วนมีผลต่อการดำเนินเรื่อง

ระบบ “Butterfly Effect” เป็นกลไกสำคัญที่ทำให้การตัดสินใจของผู้เล่นมีความหมาย การกระทำเล็กๆ น้อยๆ อาจส่งผลกระทบใหญ่หลวงในภายหลัง ทำให้แต่ละรอบที่เล่นมีความแตกต่างกัน และกระตุ้นให้ผู้เล่นอยากกลับมาเล่นซ้ำเพื่อค้นหาเส้นทางเรื่องราวที่แตกต่างออกไป นอกจากนี้ ยังมีระบบความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามการกระทำของผู้เล่น ซึ่งอาจส่งผลต่อการช่วยเหลือกันในยามคับขัน

แม้ว่า Until Dawn จะเน้นการเล่าเรื่องเป็นหลัก แต่ก็มีช่วงเวลาที่ผู้เล่นได้ควบคุมตัวละครอย่างอิสระเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อม เก็บเบาะแสและข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวลึกลับที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีช่วง Quick Time Events (QTEs) ที่ผู้เล่นต้องกดปุ่มตามจังหวะเพื่อหลบหลีกอันตรายหรือต่อสู้กับภัยคุกคาม ซึ่งช่วยเพิ่มความตื่นเต้นและการมีส่วนร่วมของผู้เล่นในช่วงที่เรื่องราวดำเนินไปอย่างเข้มข้น

ตัวเกมมีเสียงพากษ์และซับไตเติลเป็นภาษาอังกฤษ และอีกหลายภาษา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีภาษาไทยให้เลือก

รีวิว Until Dawn PS5

เนื้อเรื่องที่ซับซ้อน การดำเนินเรื่อง และตอนจบหลายแบบ

Until Dawn บน PS5 มาพร้อมกับจุดขายสำคัญคือความหลากหลายของเนื้อเรื่องที่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่น ด้วยจำนวนเส้นทางเรื่องราวที่มีมากถึง 256 แบบ และตอนจบหลักๆ หลายแบบ ทำให้เกมนี้มีความน่าสนใจในการกลับมาเล่นซ้ำอย่างมาก แต่ละครั้งที่เล่น ผู้เล่นจะได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ของเรื่องราว ได้เรียนรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ และได้ลองตัดสินใจในแบบที่แตกต่างออกไป ซึ่งอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด

นอกจากนี้ ทีมพัฒนายังได้เพิ่มไอเทมสะสมใหม่ๆ เข้ามาในเกม เพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับผู้เล่นที่ชอบเก็บของครบ 100% ไอเทมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นของสะสมเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มเติมรายละเอียดของเนื้อเรื่องและโลกในเกมให้สมบูรณ์มากขึ้น ทำให้การสำรวจทุกซอกทุกมุมของเกมมีความน่าสนใจมากขึ้น และอาจเผยให้เห็นเบาะแสบางอย่างที่ช่วยไขปริศนาในเรื่องได้

อย่างไรก็ตาม ตัวเกมที่วางขายในราคาเกือบๆ 2,000 บาท สำหรับการเอาเกมเก่ามาทำใหม่ ถึงแม้ว่าจะมีการปรับปรุงด้านภาพและเพิ่มเนื้อหาใหม่เข้ามา แต่แก่นของเรื่องราวและระบบการเล่นหลักๆ ยังคงเหมือนเดิม ก็ถือว่าอาจจะค่อนข้างสูงพอสมควร

แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยสัมผัส Until Dawn มาก่อน หรือแฟนพันธุ์แท้ที่อยากกลับมาสัมผัสประสบการณ์นี้อีกครั้งในรูปแบบที่สมบูรณ์ที่สุด ราคานี้ก็ถือว่าคุ้มค่า ด้วยคุณภาพของภาพและเสียงที่ได้รับการปรับปรุง เนื้อหาเพิ่มเติม และความสนุกในการค้นหาเส้นทางเรื่องราวใหม่ๆ Until Dawn บน PS5 ก็ยังคงเป็นเกมที่น่าสนใจและให้ความบันเทิงได้หลายชั่วโมง ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณาสำหรับแฟนเกมแนวสยองขวัญและผู้ที่ชื่นชอบเกมที่เน้นการเล่าเรื่องแบบอินเตอร์แอคทีฟ

รีวิว Until Dawn PS5

สรุป รีวิว Until Dawn บน PS5

Until Dawn บน PS5 เป็นตัวอย่างของการรีเมคที่ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ใช่แค่การยกระดับภาพให้สวยขึ้น แต่ยังเพิ่มเติมเนื้อหาใหม่ที่ช่วยเสริมให้เรื่องราวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตัวเกมให้คุณได้เสพทั้งภาพที่มีความสวยงาม สมจริง พร้อมกับระบบเสียงและการสร้างบรรยากาศที่กดดัน บีบหัวใจ และการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยปริศนา ที่เราจะได้เป็นคนตัดสินใจให้กับการดำเนินเรื่อง

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ารูปแบบการเล่นแบบนี้อาจไม่ถูกใจผู้เล่นทุกคน เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้เล่นจะเป็นฝ่ายรับชมมากกว่าลงมือทำ การควบคุมตัวละครในช่วงสำรวจอาจรู้สึกช้าและจำกัด และ QTEs อาจดูเหมือนเป็นเพียงการกดปุ่มตามคำสั่ง แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเกมที่เน้นการเล่าเรื่องและการตัดสินใจ Until Dawn ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจและชวนให้กลับมาเล่นซ้ำอีกหลายครั้ง

*ตัวเกม Until Dawn ที่ทำการ รีวิว และภาพที่แคปเจอร์ทั้งหมด เป็นเวอร์ชั่น PlayStation 5

ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok

รีวิว Until Dawn (PS5) ยกระดับความหลอน ระทึกยิ่งกว่าเดิม
เกมเก่ายุค PS4 มาทำใหม่ไม่ใช่รีมาสเตอร์ ด้วยกราฟิกสมจริงยิ่งขึ้น ระบบการเล่นเน้นเสพเนื้อหาและความระทึกใจ ตามสไตล์หนังทริลเลอร์ พร้อมปริศนาและการตัดสินใจของผู้เล่น ที่จะมีผลต่อการดำเนินเรื่องและตอนจบ
Visual ภาพ กราฟิก ระบบเสียง
95
เนื้อเรื่อง
90
Game Play
85
ความคุ้มค่า
80
จุดเด่น
กราฟิกภาพทำใหม่หมด สวยงามสมจริงกว่าเดิม
เนื้อเรื่องชวนติดตา เนื้อหาแนวสยองขวัญ ที่มีปมปริศนาและการไขคดี
ระบบ Butterfly Effect ทำให้การตัดสินใจของผู้เล่นมีความหมายและส่งผลต่อเรื่องราวอย่างชัดเจน
เกมมีเส้นเนื้อเรื่องแตกย่อยมากมาย ให้เราได้เล่นซ้ำหลายรอบเพื่อดูเนื้อเรื่องในทุกมุม
เสียงพากย์ ดนตรีประกอบ สร้างบรรยากาศการเล่นได้ดี
ข้อสังเกต
เกมเน้นการติดตามดูเรื่องราว มากกว่าการควบคุม ไม่เน้นแอคชั่น
ตัวเกมจำกัดเฟรมเรตสูงสุดที่ 30fps
เนื้อเรื่องไม่ได้ต่างจากเวอร์ชั่นเดิมมากนัก
เกมเปลี่ยนมุมมองตอนบังคับเป็น 3rd Person อาจจะรู้สึกน่ากลัวน้อยลง
88
ซื้อเกมในรูปแบบดิจิทัล

Blogger สาย Multi Function ตามติดเทคโนโลยีมือถือ, แท็บเล็ต, แอพ, เกมคอนโซล, โลกโซเชียล และจักรยาน