YouTube เตรียมปรับปรุงแพลตฟอร์มวิดีโอสั้น Shorts ครั้งใหญ่ โดยจะขยายเวลาสูงสุดของวิดีโอเป็น 3 นาที จากเดิมที่จำกัดไว้ที่ 60 วินาที พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานทั้งผู้ชมและครีเอเตอร์
การอัปเดตครั้งสำคัญนี้จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยจะใช้กับวิดีโอที่มีอัตราส่วนภาพแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือแนวตั้ง ซึ่งเป็นการตอบสนองต่อความต้องการอันดับต้นๆ ของครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์ม ทั้งนี้ วิดีโอที่อัปโหลดก่อนหน้านี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
นอกจากการขยายเวลาวิดีโอแล้ว YouTube ยังเตรียมปรับปรุงระบบแนะนำวิดีโอ Shorts ที่มีความยาวมากขึ้น พร้อมเพิ่มหน้า “Trends” เฉพาะแต่ละประเทศที่ด้านบนของ Short ที่หยุดเล่น และจะแสดงความคิดเห็นโดยตรงในหน้าเล่นวิดีโอ ก่อนที่ผู้ใช้จะเข้าไปยังส่วนแสดงความคิดเห็น
ในส่วนของการออกแบบ YouTube ได้ปรับปรุงหน้าตาของเครื่องเล่น Shorts ให้เรียบง่ายขึ้น โดยเปลี่ยนปุ่มต่างๆ เป็นแบบเส้นขอบแทนการระบายสีทึบ และลดข้อความคำอธิบายให้เหลือเพียงบรรทัดเดียว
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการลดการแสดงวิดีโอ Shorts บนหน้าฟีด YouTube จะเพิ่มตัวเลือก “Show fewer Shorts” ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยคลิกที่เมนูสามจุดที่มุมบนขวาของกริด Shorts ในหน้าฟีดหลัก อย่างไรก็ตาม การตั้งค่านี้จะมีผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น
สำหรับครีเอเตอร์ นอกจากการปรับ YouTube Shorts ให้มีความยาวคลิปยาวขึ้นเป็น 3 นาที ทาง YouTube เตรียมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างในอนาคตเพื่อให้การสร้างสรรค์คอนเทนต์สะดวกมากขึ้น
- ความสามารถในการเข้าถึงคลังวิดีโอทั้งหมดบน YouTube ผ่านกล้องของ Shorts เพื่อให้สามารถรีมิกซ์คลิปจากวิดีโอและมิวสิกวิดีโอที่ชื่นชอบได้ง่ายขึ้น รวมถึงการดึงคลิปจากหลายวิดีโอมาใช้งานร่วมกัน
- ฟีเจอร์เทมเพลต ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์ตามเทรนด์ล่าสุดได้อย่างง่ายดาย โดยสามารถเลือกใช้เสียงยอดนิยมและปรับแต่งให้เข้ากับสไตล์ของตนเองได้ ผู้ใช้สามารถทดลองใช้เทมเพลตโดยแตะที่ “Remix” บน Short ที่สร้างแรงบันดาลใจ และเลือก “Use this template” เพื่อสร้างสรรค์ผลงานในแบบฉบับของตัวเอง
เชื่อว่าการปรับปรุงครั้งใหญ่ในแพลตฟอร์ม Shorts ครั้งนี้ น่าจะถูกใจครีเอเตอร์ที่ต้องการเล่าเรื่องราวผ่านคลิปสั้นได้ยาวขึ้นอีก เพราะ 60 วินาที หรือ 1 นาทีนั้น การที่จะเล่าเรื่องราวหรือให้ข้อมูลที่
ข้อมูลจาก YouTube Blog
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok