Asus เปิดตัวสมาร์ตโฟนเรือธงรุ่นใหม่ในตระกูล ROG Phone ประจำปี 2024 ทั้ง ROG Phone 9 และ ROG Phone 9 Pro ที่มาพร้อมชิปประมวลผล Snapdragon 8 Elite ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อนถึง 45% ในส่วนของ CPU, 40% สำหรับ GPU และ 40% สำหรับ NPU เพื่อตอบโจทย์การเล่นเกมระดับพรีเมียม
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมจอแสดงผล AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชเรตสูงสุด 185Hz ในเกมที่รองรับ ความสว่างสูงสุด 2,500 nits และครอบคลุมสี DCI-P3 ถึง 107% พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,800 mAh ที่เพิ่มขึ้น 300 mAh จากรุ่นก่อน รองรับการชาร์จเร็ว 65W ผ่าน USB-C และชาร์จไร้สาย 15W
สเปกและฟีเจอร์เด่น
ROG Phone 9 Pro มาพร้อม RAM LPDDR5X ความเร็ว 9,600Mbps สูงสุด 24GB และความจุ 1TB ในขณะที่รุ่นทั่วไปมี RAM สูงสุด 16GB และความจุ 512GB ระบบระบายความร้อนได้รับการปรับปรุงด้วยแผ่นกราไฟต์ที่ใหญ่ขึ้น 57% ช่วยให้ตัวเครื่องเย็นลงกว่ารุ่น 8 Series อย่างเห็นได้ชัด
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมระบบ AniMe Vision ที่เป็นไฟ LED แสดงผลด้านหลังเครื่อง โดย ROG Phone 9 มี 85 LED ส่วน ROG Phone 9 Pro มีถึง 648 LED เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจาก 341 LED ในรุ่น 8 Pro สามารถแสดงตัวอักษรภาษาจีนและญี่ปุ่นได้ รองรับการอัปโหลดไฟล์ GIF เพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหว และยังสามารถเล่นเกมคลาสสิก 4 เกมผ่าน AirTriggers ได้แก่ Breakout, Snake, Invaders และอีกหนึ่งเกม
อุปกรณ์เสริมและระบบระบายความร้อน
AeroActive Cooler X Pro อุปกรณ์เสริมสำหรับระบายความร้อนมาพร้อมซับวูฟเฟอร์ให้เสียงระบบ 2.1 และปุ่มกดบนไหล่เครื่องแบบฮาร์ดแวร์ 2 ปุ่มเพิ่มเติมจาก AirTriggers ที่มีมาในตัวเครื่อง ด้วยใบพัดที่ใหญ่ขึ้น 12.5% และสารระบายความร้อนที่มากขึ้น ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนดีขึ้น 29%
เคส AeroCase ที่ให้มาในกล่องและ Chill Case อุปกรณ์เสริมมาพร้อมฟีเจอร์ Audio Redirection ที่ออกแบบมาให้เปลี่ยนทิศทางเสียงจากลำโพงด้านล่างให้พุ่งไปด้านหน้า ทำงานร่วมกับลำโพงด้านหน้าเพื่อประสบการณ์เสียงสเตอริโอที่ดียิ่งขึ้น โดย Chill Case มีระบบระบายความร้อนแบบ Passive cooling ด้วย vapor chamber ในตัว ช่วยลดอุณหภูมิได้สูงสุด 17%
อัปเกรดแบตเตอรี่ตอบโจทย์สายเกม
แบตเตอรี่ขนาด 5,800 mAh ของ ROG Phone 9 Series ถูกออกแบบมาเพื่อการเล่นเกมอย่างยาวนาน สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องนานถึง 4.5 ชั่วโมงในการเล่นเกมที่ใช้ทรัพยากรสูง รองรับการชาร์จเร็ว 65W ผ่านพอร์ต USB-C ที่ใช้เวลาชาร์จจาก 0-100% เพียง 46 นาที และชาร์จไร้สาย 15W พร้อมการรับประกันว่าแบตเตอรี่จะยังคงความจุไว้ได้อย่างน้อย 80% แม้จะผ่านการชาร์จไปแล้ว 1,000 รอบ หรือประมาณ 3 ปีสำหรับการชาร์จแบบรายวัน ทำให้ผู้ใช้สามารถวางใจได้ในความทนทานของแบตเตอรี่ในระยะยาว
กล้องและระบบเสียง
กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony Lytia 700 ขนาด 1/1.56 นิ้ว ความละเอียด 50MP พร้อมระบบกันสั่นแบบ 6-axis hybrid gimbal ที่แม่นยำขึ้นจาก ±3° เป็น ±5° ROG Phone 9 Pro มีกล้องเทเลโฟโต้ความละเอียด 32MP เซ็นเซอร์ขนาด 1/3 นิ้ว ซูมออปติคอล 3 เท่า ในขณะที่รุ่นทั่วไปมีกล้องมาโคร 5MP ทั้งสองรุ่นมีกล้องอัลตร้าไวด์ 13MP และกล้องหน้า 32MP เซ็นเซอร์ RGBW พร้อมเลนส์ 22mm
ระบบเสียงรองรับหูฟัง 3.5 มม. ปรับแต่งโดย Dirac พร้อมเทคโนโลยี Dirac Virtuo เพื่อเสียงไบนอรัลความละเอียดสูง รองรับ aptX Lossless ได้รับการรับรอง Hi-Res Audio ทั้งแบบมีสายและไร้สาย
การอัปเดตซอฟต์แวร์และการรับประกัน
Asus รับประกันการอัปเดต Android OS 2 เวอร์ชัน และอัปเดตความปลอดภัย 5 ปี เพิ่มขึ้น 1 ปีจาก ROG Phone 8 แบตเตอรี่รับประกันว่าจะรักษาความจุไว้ได้อย่างน้อย 80% หลังจากการชาร์จครบ 1,000 รอบ หรือประมาณ 3 ปีสำหรับการชาร์จทุกวัน
ราคาและการวางจำหน่าย ASUS ROG Phone 9
- ROG Phone 9 (12GB/256GB): ราคา 1,100 ยูโร หรือประมาณ 40,000 บาท
- ROG Phone 9 (12GB/512GB): ราคา1,150 ยูโร หรือประมาณ 42,000 บาท
- ROG Phone 9 Pro (16GB/512GB): ราคา 1,300 ยูโร หรือประมาณ 47,500 บาท
- ROG Phone 9 Pro Edition (24GB/1TB): ราคา 1,500 ยูโร หรือประมาณ 54,800 บาท
เริ่มวางจำหน่ายที่ไต้หวัน ฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่เป็นที่แรก ตามด้วยยุโรปในเดือนธันวาคม และสหรัฐอเมริกาในเดือนมกราคม 2025 โดยรุ่น Edition จะมาพร้อม AeroActive Cooler X Pro ในกล่อง
ข้อมูลจาก : ASUS ROG
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok