หัวเว่ย คลาวด์ (Huawei Cloud) และ กลุ่มบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (DTGO) ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Model – LLM) ที่รองรับการใช้งานภาษาไทย จีน และอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับเป็นครั้งแรกของโลก โดยใช้บริการ Ascend AI ของหัวเว่ย คลาวด์ ในการประมวลผล เพื่อเสริมศักยภาพการทำงานด้านต่างๆ ขององค์กร ทั้งการบริหารจัดการ การบริการลูกค้า และการวิเคราะห์ข้อมูล
โมเดลภาษา DTLM ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของตลาดไทย โดยมีความสามารถในการเข้าใจภาษาและสร้างการโต้ตอบที่เหมาะสมกับบริบทของผู้ใช้งานชาวไทย นับเป็นก้าวสำคัญที่เหนือกว่าโมเดลภาษาแบบโอเพ่นซอร์สทั่วไป
การพัฒนา DTLM อาศัยความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และความสามารถด้าน AI ของหัวเว่ย คลาวด์ ช่วยให้สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดของโมเดลภาษาในอุตสาหกรรม และสร้างนวัตกรรมที่รองรับการใช้งานทั้งภาษาไทย จีน และอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิคเตอร์ หลัว ผู้อำนวยการด้านสถาปัตยกรรมโซลูชัน หัวเว่ย คลาวด์ ประเทศไทย เผยว่า “การร่วมมือครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการพัฒนา AI ในประเทศไทย และการนำเสนอโมเดลภาษาที่รองรับภาษาไทยเป็นครั้งแรกของโลก เพื่อเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจและชุมชนด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูง”
ประสิทธิภาพที่โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Ascend AI
บริการ Ascend AI ของหัวเว่ย คลาวด์ มอบพลังการประมวลผลที่แข็งแกร่งให้กับ DTLM พร้อมระบบการกู้คืนหลายระดับที่ทำงานได้ภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเสถียรในการใช้งาน
ผลการทดสอบที่น่าประทับใจ
DTLM แสดงผลการทดสอบที่เหนือกว่าบนมาตรฐาน MMLU (Massive Multitask Language Understanding) สร้างบรรทัดฐานใหม่สำหรับการประมวลผลภาษาไทย ปัจจุบันได้ถูกนำไปใช้ในระบบบริการลูกค้าของดีทีจีโอ รวมถึงการใช้งานในภาครัฐ การขาย และภาคค้าปลีก
การพัฒนาเพื่อสังคมที่ยั่งยืน
การพัฒนา DTLM สอดคล้องกับพันธกิจของดีทีจีโอในการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมการใช้ภาษาไทย เพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
สำหรับผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือของ หัวเว่ย คลาวด์ และ DTGO สามารถเยี่ยมชมได้ที่ https://www.huaweicloud.com/intl/en-us/cases/dtgo.html
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok