บ้านผีเสื้อ ไฮโดรเจนสีเขียว

บ้านผีเสื้อ จ.เชียงใหม่ ต้นแบบบ้านพลังงานสะอาด 100% จาก ไฮโดรเจนสีเขียว สู่ความยั่งยืนที่จับต้องได้

ทีมงาน TechOffside เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม บ้านผีเสื้อ จังหวัดเชียงใหม่ โครงการอาคารบ้านพักอาศัยแห่งแรกของโลกที่ใช้พลังงาน ไฮโดรเจนสีเขียว หรือ Green Hydrogen ซึ่งเป็นโครงการที่บุกเบิกการพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของพลังงานไฮโดรเจนในการสนับสนุนเป้าหมายของประเทศไทยในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ 

เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี โครงการ บ้านผีเสื้อ ได้จัดการประชุม Hydrogen Summit 2025 เมื่อวันที่ 16-17 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา เพื่อเป็นเวทีที่รวบรวมผู้นำและผู้เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมไฮโดรเจนจากทั่วโลก มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และนำเสนอแนวทางในการส่งเสริมเศรษฐกิจไฮโดรเจนทั้งในประเทศไทยและในระดับนานาชาติ

ประเทศไทยนั้นมีข้อผูกพันในการบรรลุเป้าหมายระยะยาวเพื่อเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน การเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น และความเร่งด่วนในการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้มีความจำเป็นในการสร้างความยืดหยุ่นทางพลังงาน เนื่องจากหลายประเทศได้หันไปใช้แหล่งพลังงานอื่น ๆ เพื่อลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล 

โครงการบ้านผีเสื้อได้พิสูจน์ถึงแนวทางที่สามารถนำไปใช้ในระดับบุคคล ชุมชน และประเทศในการใช้ประโยชน์จากไฮโดรเจนเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero พร้อมทั้งช่วยสร้างความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศอีกด้วย

บ้านผีเสื้อ ถือว่าเป็นโครงการที่ไม่เหมือนใครในโลก โดยเป็นบ้านพักอาศัยที่พึ่งพาตนเอง 100% จากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยใช้เทคโนโลยีอิเล็กโทรไลเซอร์ไฮโดรเจนที่ทันสมัยในการแปลงน้ำเป็นไฮโดรเจน เพื่อผลิต จัดเก็บ และใช้ไฮโดรเจนเป็นพลังงาน วิธีการที่เป็นนวัตกรรมนี้ช่วยให้บ้านสามารถผลิตพลังงานเองได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องพึ่งพาโครงข่ายไฟฟ้า นอกจากนี้ยังรักษาการปล่อยก๊าซเป็นศูนย์ และแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่เป็นไปได้ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทยในอนาคต

10 ปี บ้านผีเสื้อ จากจุดเริ่มต้นสู่ความสำเร็จ

เมื่อย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว คุณเซบาสเตียน-ยุสตุส ชมิดท์ เจ้าของบ้านผีเสื้อและผู้ก่อตั้งบริษัท Enapter ได้มีแนวคิดที่จะสร้างที่พักอาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และพึ่งพาตนเองได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีไฮโดรเจน เขาจึงริเริ่มโครงการบ้านผีเสื้อขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่ 18 ไร่ ในอำเภอสันผีเสื้อ

“บ้านผีเสื้อ เป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของการบูรณาการเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยที่มีคาร์บอนเป็นศูนย์อย่างแท้จริง” คุณเซบาสเตียน-ยุสตุส ชมิดท์ กล่าว

“ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์และการเก็บไฮโดรเจน เราได้แสดงให้เห็นถึงโมเดลที่สามารถมีส่วนสำคัญต่อเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย”

ภายในพื้นที่โครงการ จะประกอบด้วยบ้านพักหลังใหญ่ อาคารระบบพลังงาน 1 หลัง บ้านพักสำหรับผู้มาเยือน 2 หลัง สระว่ายน้ำ พื้นที่สวน บ่อน้ำ และพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ซึ่งทั้งหมดใช้พลังงานจากระบบผลิตไฟฟ้าของโครงการเองทั้งสิ้น โดยไม่ต้องพึ่งพากระแสไฟฟ้าจากภายนอก

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บ้านผีเสื้อได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้พลังงานสะอาด 100% เป็นเรื่องที่เป็นไปได้จริง โดยสามารถรักษามาตรฐานการผลิตพลังงานและการใช้ชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในช่วงที่มีสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือในช่วงที่มีการใช้พลังงานสูง

นอกจากการเป็นที่พักอาศัย บ้านผีเสื้อยังทำหน้าที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ด้านพลังงานสะอาด เปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษา นักวิจัย และผู้สนใจทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมและศึกษาระบบการทำงาน เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจในการพัฒนาโครงการพลังงานสะอาดในอนาคต

ปัจจุบันความสำเร็จของบ้านผีเสื้อยังได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ โดยได้รับรางวัลและการกล่าวถึงในเวทีด้านพลังงานทดแทนทั่วโลก ตลอดจนเป็นกรณีศึกษาให้กับสถาบันการศึกษาและองค์กรต่างๆ ที่สนใจพัฒนาโครงการในลักษณะเดียวกัน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

HYDROGEN SUMMIT 2025 เวทีผู้นำด้านพลังงานสีเขียวระดับโลก

การจัดงาน Hydrogen Summit 2025 ที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ นับเป็นการประชุมระดับนานาชาติครั้งที่สาม โดยมีผู้เชี่ยวชาญและผู้นำในอุตสาหกรรมไฮโดรเจนจากทั่วโลกเข้าร่วมกว่า 300 คน จาก 20 ประเทศ เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และมุมมองเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีไฮโดรเจนและการประยุกต์ใช้งานในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ประเด็นสำคัญที่ได้รับการหยิบยกมาพูดคุยในงานครั้งนี้ ครอบคลุมตั้งแต่แนวโน้มเทคโนโลยีไฮโดรเจนของโลก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งานไฮโดรเจนในวงกว้าง ไปจนถึงการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการผลักดันนโยบายสนับสนุนพลังงานสะอาด โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรชั้นนำระดับโลก อาทิ องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) สมาคมพลังงานไฮโดรเจนโลก และผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยชั้นนำหลายแห่ง

นอกจากการบรรยายและเสวนาแล้ว ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีโอกาสเยี่ยมชมการทำงานจริงของระบบผลิตและจัดเก็บพลังงานไฮโดรเจนที่บ้านผีเสื้อ ซึ่งถือเป็นตัวอย่างความสำเร็จในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีไฮโดรเจนสีเขียวในระดับที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งได้เห็นนวัตกรรมและอุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะช่วยให้การผลิตและใช้งานไฮโดรเจนมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นในอนาคต

รู้จักกับ Green Hydrogen นวัตกรรมพลังงานสะอาดเพื่ออนาคต

การพูดถึง Green Hydrogen หรือไฮโดรเจนสีเขียว จำเป็นต้องทำความเข้าใจถึงความแตกต่างของไฮโดรเจน 3 ประเภทหลักในปัจจุบัน ได้แก่

  • ไฮโดรเจนสีเทา (Grey Hydrogen) ที่ผลิตจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต
  • ไฮโดรเจนสีน้ำเงิน (Blue Hydrogen) ที่มีกระบวนการดักจับคาร์บอนไว้ใต้ดินแทนการปล่อยสู่อากาศ
  • ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ที่ผลิตจากพลังงานหมุนเวียนจึงไม่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกขั้นตอน

จากรายงานขององค์กร องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เผยว่าในปี 2023 ไฮโดรเจนสีเขียวมีสัดส่วนเพียง 0.1% ของการผลิตไฮโดรเจนทั้งหมดในโลก สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการขยายกำลังการผลิตพลังงานสะอาดชนิดนี้ อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของบ้านผีเสื้อตั้งแต่ปี 2015 ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้ไฮโดรเจนสีเขียวในระดับที่อยู่อาศัยเป็นไปได้จริง

บ้านผีเสื้อ ไฮโดรเจนสีเขียว

เทคโนโลยีสำคัญที่ทำให้การผลิตไฮโดรเจนสีเขียวเป็นไปได้คือ อิเล็กโทรไลเซอร์ (Electrolyzers) ที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการแยกน้ำ (H2O) เป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน โดยไฮโดรเจนที่ได้จะถูกเก็บไว้ใช้ในยามที่ไม่มีแสงแดด เมื่อต้องการใช้พลังงาน ไฮโดรเจนจะถูกนำไปผ่านกระบวนการในเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า โดยมีน้ำเป็นผลพลอยได้เท่านั้น จึงเป็นระบบที่สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

เจาะลึกระบบการผลิตพลังงานในบ้านผีเสื้อ

บ้านผีเสื้อ ใช้ระบบพลังงานไฮบริดจากพลังงานแสงอาทิตย์ และ ไฮโดรเจนสีเขียว โดยติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 140 กิโลวัตต์ (kWp) ในการผลิตกระแสไฟฟ้าในช่วงกลางวันเพื่อใช้ในบ้านและตอบสนองความต้องการพลังงานในทันที ขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์ส่วนเกินจะถูกนำมาผลิตไฮโดรเจนผ่านอิเล็กโทรไลเซอร์ขนาด 20 kW ที่ทำการแยกน้ำออกเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจน

บ้านผีเสื้อ ไฮโดรเจนสีเขียว

ในส่วนของการจัดเก็บพลังงาน ไฮโดรเจนจะถูกเก็บในรูปแบบก๊าซที่แรงดัน 35 บาร์ ในถังจะเก็บไฮโดรเจนได้สูงสุด 42 กิโลกรัม ซึ่งสามารถจ่ายพลังงานให้กับบ้านได้ประมาณ 600 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) นอกจากนี้ ระบบภายในบ้านผีเสื้อยังมีแบตเตอรี่ขนาด 384 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเมื่อทั้งไฮโดรเจนและแบตเตอรี่ใช้ร่วมกันจะสามารถกักเก็บพลังงานเพื่อใช้งานอย่างน้อย 7 วัน ในฤดูที่มีแดดน้อยและมีเมฆมากเป็นเวลานาน

ในเวลากลางคืนหรือช่วงที่มีแสงแดดน้อย ไฮโดรเจนที่เก็บไว้จะถูกแปลงกลับเป็นกระแสไฟฟ้าโดยใช้ระบบเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน (Fuel Cell) ขนาด 8 กิโลวัตต์ เมื่อไฮโดรเจนรวมกับออกซิเจน จะเป็นไฟฟ้ากับน้ำ ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้มั่นใจได้ว่ามีการใช้พลังงานที่สะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมบูรณ์

นอกเหนือจากระบบผลิตพลังงาน การออกแบบบ้านผีเสื้อยังคำนึงถึงการประหยัดพลังงานในทุกมิติ มีการใช้เทคนิคการทำความเย็นแบบพาสซีฟ รวมถึงการประสานฉนวนที่เหมาะสมและอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานต่ำที่สุด การออกแบบสถาปัตยกรรมแบบเปิดกว้างช่วยให้ใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ การก่อสร้างและโครงสร้างของบ้านยังใช้วัสดุที่ยั่งยืนกว่าร้อยละ 98 ที่มาจากในประเทศ เช่น บล็อกคอนกรีตอัดไอน้ำและหน้าต่างชั้นคู่ที่มีฉนวน

บ้านผีเสื้อ ไฮโดรเจนสีเขียว

ระบบการจัดการน้ำภายในโครงการก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยมีระบบการชลประทานที่ซับซ้อนในการกักเก็บและบำบัดน้ำฝน เพื่อลดการพึ่งพาแหล่งน้ำจากภายนอก โดยน้ำจะถูกนำไปใช้ในการทำสวนและนาข้าว ซึ่งมีการปลูกพืชผักและผลไม้ท้องถิ่นที่เติบโตตามฤดูกาล นอกจากนี้ยังช่วยลดความจำเป็นในการใช้แหล่งอาหารจากภายนอกที่มักมีการปล่อยมลพิษจากการขนส่ง ส่งเสริมความมั่นคงด้านอาหารและลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยรวมของครัวเรือน

ด้วยระบบการจัดการพลังงานและทรัพยากรที่ครบวงจรเช่นนี้ บ้านผีเสื้อจึงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องยืนยันถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยี แต่ยังทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มการศึกษา ที่ช่วยเพิ่มความตระหนักเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน รวมถึงกระตุ้นการวิจัยและพัฒนามากขึ้น ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของโครงการนี้ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นผู้นำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และในระดับโลกในการใช้โซลูชันพลังงานสะอาดและสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

อนาคตของประเทศไทยกับพลังงานไฮโดรเจน

ประเด็นสำคัญที่หลายคนมักกังวลเมื่อพูดถึงพลังงานสะอาดคือเรื่องต้นทุนและจุดคุ้มทุน แม้ปัจจุบันการลงทุนระบบไฮโดรเจนสีเขียวจะมีต้นทุนสูงกว่าพลังงานแสงอาทิตย์ถึง 4 บาทต่อหน่วย แต่ในบางพื้นที่เฉพาะ เช่น เกาะหรือพื้นที่ห่างไกล การใช้ไฮโดรเจนกลับมีความคุ้มค่ามากกว่าการลากสายไฟหรือใช้เครื่องปั่นไฟจากน้ำมันเชื้อเพลิง

การสร้างบ้านพักอาศัยตามโมเดลบ้านผีเสื้อ ในปัจจุบันต้องใช้เงินลงทุนหลายล้านบาท ทั้งในส่วนของระบบผลิต ไฮโดรเจนสีเขียว, เครื่อง Electrolyzer, ระบบกักเก็บพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง อีกทั้งประเทศไทยยังขาดกฎหมายรองรับที่ชัดเจน ทำให้การใช้งานยังจำกัดอยู่ในกลุ่มผู้มีกำลังซื้อสูง อย่างไรก็ตาม การลงทุนด้านพลังงานสะอาดนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แม้จะเริ่มต้นจากกลุ่มเล็กๆ

ในระยะยาว แนวโน้มการใช้พลังงานไฮโดรเจนมีทิศทางที่สดใส เห็นได้จากความสนใจของหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Toyota และ Hyundai รวมถึงผู้ผลิตจากจีนกำลังวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคาต้นทุนการผลิตไฮโดรเจนสีเขียวมีแนวโน้มลดลง เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับระบบโซลาร์เซลล์

บ้านผีเสื้อ ไฮโดรเจนสีเขียว

การดำเนินงานของ “บ้านผีเสื้อ” ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงพิสูจน์ให้เห็นว่าการใช้พลังงานสะอาด 100% เป็นไปได้จริง แต่ยังเป็นต้นแบบสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็นผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำเร็จนี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการพัฒนาโครงการในลักษณะเดียวกันในวงกว้างมากขึ้น เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2065

สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบ้านผีเสื้อและเทคโนโลยีพลังงานไฮโดรเจนสีเขียว สามารถติดตามได้ที่ www.phisueahouse.com หรืออีเมล info@phisueahouse.com

Online Content Manager with over 10 years of experience working in the news, technology, and telecom industries.