เนื่องในโอกาสวัน Safer Internet Day หรือวันแห่งการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย Google ได้เปิดเผย 5 เทรนด์ กลโกงออนไลน์ ล่าสุด พร้อมแนะนำวิธีรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เพื่อช่วยให้คนไทยรู้เท่าทันและสามารถปกป้องตัวเองจากภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
1.ใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์สำคัญ
มิจฉาชีพได้พัฒนากลยุทธ์การหลอกลวงให้ซับซ้อนมากขึ้น โดยใช้ เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือในการสร้างและพัฒนากลโกงรูปแบบใหม่ๆ พวกเขามักฉวยโอกาสจากกระแสความสนใจของผู้คนต่อเหตุการณ์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต อีเว้นท์กีฬา หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ มาสร้างสถานการณ์เร่งด่วนเพื่อกดดันให้เหยื่อตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
รูปแบบการหลอกลวงมักปรากฏในลักษณะของการขายบัตรปลอม โดยเฉพาะในช่วงที่มีคอนเสิร์ตหรืออีเว้นท์ยอดนิยม มิจฉาชีพจะสร้างเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนเว็บไซต์จำหน่ายบัตรอย่างเป็นทางการ พร้อมทั้งใช้การโฆษณาออนไลน์และโซเชียลมีเดียเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังมีการแอบอ้างเป็นองค์กรการกุศลเพื่อระดมทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงที่เกิดภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ในการรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าว Google ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและบังคับใช้นโยบายในช่วงที่มีเหตุการณ์สำคัญ รวมถึงกำหนดนโยบายพิเศษสำหรับ Google Ads, Google Shopping, YouTube และ Google Play เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ที่มีความอ่อนไหว
2.ใช้ AI ปลอมแปลงเสียงและใบหน้าบุคคลมีชื่อเสียง
เทคโนโลยี Deepfake ได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างคอนเทนต์หลอกลวง โดยมิจฉาชีพใช้เทคโนโลยีนี้ในการสร้างวิดีโอและเสียงปลอมของบุคคลที่มีชื่อเสียง นักลงทุน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับกลโกงการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลและแพลตฟอร์มการซื้อขายต่างๆ
การหลอกลวงรูปแบบนี้มักมาพร้อมกับการสร้างระบบนิเวศของข้อมูลปลอม ทั้งบทความข่าว โพสต์บนโซเชียลมีเดีย และเว็บไซต์ปลอมที่ถูกออกแบบมาอย่างแยบยล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดเหยื่อให้หลงเชื่อ มิจฉาชีพมักใช้กลยุทธ์การสร้างความเร่งด่วนและความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO) เพื่อกดดันให้เหยื่อตัดสินใจลงทุนอย่างรวดเร็ว
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ทำให้การตรวจจับคอนเทนต์ปลอมทำได้ยากขึ้น Google จึงได้พัฒนาระบบและนโยบายใหม่ๆ รวมถึงเครื่องมืออย่าง SynthID เพื่อช่วยในการระบุและตรวจจับคอนเทนต์ที่สร้างด้วย AI พร้อมทั้งอัปเดตนโยบายการสื่อให้เข้าใจผิดใน Google Ads และเพิ่มความเข้มงวดในนโยบายการแอบอ้างบุคคลอื่นบน YouTube
3.หลอกขายแพ็กเกจท่องเที่ยวและสินค้าออนไลน์
มิจฉาชีพได้พัฒนากลยุทธ์การสร้างเว็บไซต์ปลอมให้มีความซับซ้อนและแนบเนียนมากขึ้น โดยใช้เทคนิคการโคลนเว็บไซต์ (Website Cloning) เพื่อจำลองเว็บไซต์ของแบรนด์และร้านค้าที่มีชื่อเสียง ทั้งในด้านการออกแบบ ระบบการชำระเงิน และหน้าบริการลูกค้า ทำให้ผู้ใช้แยกแยะความแตกต่างระหว่างเว็บไซต์จริงและปลอมได้ยากขึ้น
การหลอกลวงมักเริ่มต้นด้วยการเสนอสินค้ายอดนิยม สินค้าแบรนด์เนม หรือแพ็กเกจท่องเที่ยวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดอย่างมาก มิจฉาชีพใช้เทคนิค “การปิดบังหน้าเว็บจริง” (Cloaking) เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และสร้างความรู้สึกเร่งด่วนด้วย “ข้อเสนอพิเศษแบบจำกัดเวลา” กดดันให้ผู้ซื้อตัดสินใจเร็ว โดยผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักจะไม่ได้รับสินค้า ได้รับสินค้าปลอม หรือถูกขโมยข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว
Google ได้พัฒนาระบบตรวจจับเว็บไซต์หลอกลวงที่ทันสมัย พร้อมทั้งกำหนดมาตรการยืนยันตัวตนผู้ลงโฆษณาที่เข้มงวดขึ้น เพื่อสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในระบบโฆษณาออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีการใช้ AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์รูปแบบการหลอกลวงและปรับปรุงระบบป้องกันอย่างต่อเนื่อง
4.กลโกงที่ใช้เทคโนโลยีการเข้าถึงระยะไกล
กลโกงออนไลน์ ประเภทนี้มีความซับซ้อนและแยบยลมากขึ้น โดยมิจฉาชีพมักแอบอ้างเป็นผู้สนับสนุนทางเทคนิคจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ธนาคาร หรือหน่วยงานภาครัฐ พวกเขาสร้างสถานการณ์เร่งด่วนด้วยการอ้างว่าพบปัญหาด้านความปลอดภัยหรือการละเมิดบัญชี พร้อมใช้ภาษาทางเทคนิคที่ซับซ้อนและหน้าเว็บสนับสนุนปลอมเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ
มิจฉาชีพยังใช้เทคโนโลยีการปลอมแปลงหมายเลขโทรศัพท์ (Caller ID Spoofing) และระบบตอบรับอัตโนมัติที่ซับซ้อน เพื่อให้การติดต่อดูเป็นทางการ วิธีการเข้าถึงเหยื่อมีความหลากหลาย เช่น การพุ่งเป้าไปที่ผู้สูงอายุผ่านการแอบอ้างเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่คุ้นเคย หรือใช้แพลตฟอร์มเกมในการหลอกล่อวัยรุ่น โดยมีเป้าหมายให้เหยื่อติดตั้งซอฟต์แวร์การเข้าถึงระยะไกลและยินยอมให้ควบคุมอุปกรณ์
Google ได้พัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้น รวมถึงระบบเตือนภัยอัจฉริยะใน Google Messages ที่ใช้ AI วิเคราะห์และแจ้งเตือนข้อความที่น่าสงสัย นอกจากนี้ยังมี Google Safe Browsing ที่คอยตรวจจับและป้องกันการเข้าถึงเว็บไซต์อันตราย พร้อมทั้งแสดงข้อมูลการสนับสนุนลูกค้าที่ได้รับการยืนยันจากธุรกิจที่น่าเชื่อถือบน Google Search
5.หลอกให้สมัครงาน
มิจฉาชีพได้พัฒนารูปแบบการหลอกลวงด้านการจ้างงานให้ซับซ้อนยิ่งขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้หางานผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์และผู้ที่ต้องการทำงานต่างประเทศที่ให้ค่าตอบแทนสูง พวกเขาสร้างประกาศรับสมัครงานปลอมที่น่าดึงดูด พร้อมทั้งจัดเตรียมกระบวนการสัมภาษณ์แบบมืออาชีพผ่านวิดีโอคอล และมีเอกสารสัญญาที่ดูน่าเชื่อถือ
กลโกงประเภทนี้มักเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ โดยมิจฉาชีพจะหลอกให้เหยื่อโอนเงินค่าธรรมเนียมเบื้องต้น หรือใช้บัญชีส่วนตัวในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน นอกจากนี้ยังมีการขโมยข้อมูลส่วนตัวและเอกสารสำคัญของเหยื่อเพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมายอื่นๆ
Google ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบโฆษณาเกี่ยวกับการจ้างงาน และพัฒนาระบบ AI ที่ช่วยวิเคราะห์รูปแบบการหลอกลวงที่ซับซ้อน พร้อมทั้งทำงานร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเพื่อติดตามและดำเนินการกับเครือข่ายมิจฉาชีพ
สำหรับข้อมูลและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ สามารถติดตามได้ที่บล็อกความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของ Google
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok