พบกับ รีวิว OPPO Reno13 Series 5G สมาร์ตโฟนระดับกลางรุ่นใหม่ที่จัดเต็มแบบจุใจ ดีไซน์สวยพรีเมียมลงตัว ที่เราบอกเลยว่า นี่คือมาตรฐานใหม่ของสมาร์ตโฟน AI ที่ใช้งานได้จริง ในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด!
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา OPPO ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ใช้งานด้วยสมาร์ทโฟนในตระกูล Reno Series ที่นำเอานวัตกรรมใหม่ล่าสุด มาให้ผู้ใช้ในกลุ่มระดับกลาง ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นด้านการถ่ายภาพมาอย่างต่อเนื่อง นำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยยกระดับคุณภาพของภาพถ่ายให้สวยงามในทุกสถานการณ์ ประสิทธิภาพของการชาร์จที่เร็วและปลอดภัย และล่าสุดกับยุคของ Generative AI ที่ล้ำสมัย ก็ถูกนำมาใน Reno Series แล้ว
เปิดปี 2568 มา ก็พบกับ OPPO Reno13 Series 5G ที่มาพร้อมนวัตกรรมใหม่อย่าง AI Livephoto ที่ช่วยให้คุณเก็บทุกช่วงเวลาสำคัญได้อย่างมีชีวิตชีวา ไม่พลาดทุกจังหวะการเคลื่อนไหว พร้อมฟีเจอร์สุดพิเศษที่ไม่เคยมีมาก่อนในสมาร์ทโฟนระดับกลางอย่างความสามารถในการถ่ายภาพใต้น้ำด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP69 ราวกับมีสมาร์ทโฟนและ Action Camera รวมอยู่ในเครื่องเดียว
สำหรับ OPPO Reno13 Series 5G ทาง Tech Offside ได้มาทดสอบ รีวิว ด้วยกัน 2 รุ่น ด้วยกันคือ OPPO Reno13 F 5G รุ่นเริ่มต้น และ OPPO Reno13 5G ทั้งสองรุ่นได้รับการออกแบบใหม่ โดดเด่นด้วยลวดลายปีกผีเสื้อสวยงามไม่เหมือนใคร
นอกจากนี้ยังมีการอัปเกรดประสิทธิภาพในหลายด้าน ทั้งระบบ AI LinkBoost 2.0 ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อเสถียรแม้ในที่มีคนพลุกพล่าน และ AI HyperBoost ที่ช่วยให้การเล่นเกมลื่นไหลไม่มีสะดุด มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่และระบบชาร์จเร็ว SUPERVOOC ที่ช่วยให้คุณใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน
วันนี้ TechOffside จะพาเพื่อน ๆ ไปพบกับประสบการณ์การใช้งานจริงของ OPPO Reno13 Series 5G ว่าจะตอบโจทย์การใช้งานของคุณได้มากแค่ไหน และความสามารถใหม่ ๆ ที่เพิ่มเข้ามาจะช่วยให้การถ่ายภาพของคุณสนุกและสร้างสรรค์มากขึ้นอย่างไร มาดูกันเลยครับ
แกะกล่อง – Unbox
แพ็กเกจของ OPPO Reno13 Series 5G มาในแบบเดิมที่เราคุ้นชิน ตัวกล่องเป็นกระดาษสีขาว มีลวดลายเงาเหลือบสีเงินรูปปีกผีเสื้ออันเป็นเอกลักษณ์อยู่บนกล่อง
ภายในมีมาให้ครบกับอุปกรณ์ที่ไม่ต้องไปหาซื้อเพิ่มให้วุ่นวาย ตั้งแต่ตัวเคสป้องกันตัวเครื่องที่แถมมา ถ้าเครื่องเป็นโทนสีอ่อนจะเป็นเคสใสลายแบบกระเป๋าเดินทาง ที่สวมแล้วยังมองเห็นความสวยงามของตัวเครื่อง ส่วนเครื่องสีเข้ม เคสที่แถมจะเป็นสีดำ
อุปกรณ์ชาร์จมีให้ทั้งอะแดปเตอร์และสาย USB พร้อมใช้รองรับมาตรฐานการชาร์จเร็วที่ 80W SUPERVOOC สำหรับ OPPO Reno13 5G และ 45W SUPERVOOC สำหรับ OPPO Reno13 F 5G
ดีไซน์สวยล้ำ สไตล์ผีเสื้อคู่ใจ
หนึ่งในเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ OPPO Reno13 Series 5G คือการออกแบบที่พัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อนหน้า โดยยังคงความบางเบาและจับถนัดมือ แต่เพิ่มความพิเศษด้วยลวดลายปีกผีเสื้อบนฝาหลังที่สะท้อนแสงได้อย่างสวยงาม
สำหรับ OPPO Reno13 F 5G ตัวเครื่องวัสดุตัวเฟรมเป็นโพลิเมอร์ มีให้เลือกถึง 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สีม่วง Plume Purple ที่มาพร้อมลวดลายปีกผีเสื้อสุดพิเศษ สีฟ้า Luminous Blue ที่โดดเด่นด้วยวงแหวน Luminous Loop สะท้อนแสงสวยงาม และสีเทา Graphite Gray ที่ดูเรียบหรู เข้ากับทุกสไตล์การแต่งตัว ส่วนตัวเครื่องออกแบบมาให้มีขอบเหลี่ยมจับถนัดมือ ไม่ลื่นหลุดง่าย
ด้าน OPPO Reno13 5G มาในโทนสีที่ดูหรูหราขึ้น มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาว Plume White ที่มาพร้อมลวดลายปีกผีเสื้อบนฝาหลังดูมีเสน่ห์ และสีฟ้า Luminous Blue ที่โดดเด่นด้วยวงแหวน Luminous Loop เช่นเดียวกัน โดยที่วัสดุมีความพรีเมียมมากขึ้น กับขอบเครื่องที่เป็นวัสดุอลูมิเนียมเกรดอากาศยาน และฝาหลังที่เป็นกระจกชิ้นเดียวหน้า 1.5 มม. มีกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนกว่า 65 ขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน สร้างพื้นผิวเป็นแบบด้านนุ่มละมุนนิ้ว และตัวโมดูลกล้องเป็นแบบมันวาว
ส่วนของหน้าจอ ใน OPPO Reno13 F 5G มาในขนาด 6.67 นิ้ว ขอบด้านข้างที่บางมาก ด้วยอัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 92.2% ส่วน OPPO Reno13 5G ขนาด 6.59 นิ้ว อัตราส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องสูงถึง 93.4%
ทั้งสองรุ่นมาพร้อมหน้าจอ AMOLED คมชัดระดับ FHD+ ที่รองรับการแสดงผลแบบ 1.07 พันล้านสี ความสว่างสูงสุด 1200 nits และอัตรารีเฟรชเรต 120Hz ที่สามารถปรับอัตโนมัติระหว่าง 60Hz, 90Hz และ 120Hz ตามการใช้งาน ช่วยให้การสไลด์หน้าจอลื่นไหล และประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ ใน OPPO Reno13 Series 5G ทุกรุ่น ยังมาพร้อมกับมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นระดับ IP69 ถือเป็นครั้งแรกในสมาร์ตโฟนระดับกลางของ OPPO ที่ได้มาตรฐานใหม่ และยังสามารถใช้งานถ่ายภาพใต้น้ำได้ พร้อมระบบระบายน้ำอัจฉริยะที่ช่วยไล่น้ำออกจากลำโพงหลังการใช้งาน ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม
ตัวเครื่องระบบเสียงจะเป็นลำโพงแบบคู่ให้เสียงสเตอริโอ พร้อมระบบ Ultra Volume Mode เร่งเสียงได้สูงสุดที่ 300% เพื่อให้เสียงที่ดังเพิ่มพิเศษ ใช้ในกรณีที่อยู่ท่ามกลางสภาวะแวดล้อมที่มีเสียงดัง โดยเสียงลำโพงที่ดังขึ้นนั้นยังคงมีความคมชัดไม่แตกพร่าอีกด้วย
ด้านล่างของตัวเครื่องจะช่องลำโพงเสียง, พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB-C สำหรับการชาร์จแบตเตอรี่และโอนถ่ายข้อมูล, รูไมโครโฟนเสียงสนทนา และช่องถาดซิม ที่จะเป็นแบบ 2 ซิมขนาด NANO Sim ไม่รองรับการเพิ่มหน่วยความจำแบบ microSD
ส่วนตัวแล้ว ชอบมากกับการออกแบบสมาร์ตโฟนในทรงขอบเรียบ และฝาหลังที่มีความเรียบง่าย แต่ใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น โดยที่ตัวเครื่องที่ทางทีมงาน TechOffside มา รีวิว จะเป็นสี Plume Purple และ Plume White กับกิมมิคที่เวลาแสงมากระทบ จะปรากฎเงาเหลือบของปีกผีเสื้อขึ้นมา ถ้าเอา 2 เครื่องมาวางคู่กันก็จะเป็นผีเสื้อที่สวยงาม
OPPO Reno13 Series 5G ยังคงรักษาความบางของตัวเครื่องและน้ำหนักที่เบาเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ทำให้การออกแบบที่ลงตัวนี้ไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังคำนึงถึงการใช้งานจริงในชีวิตประจำวัน ทั้งความคงทนและสะดวกสบายในการพกพา ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการออกแบบสมาร์ตโฟนระดับกลางให้มีความพรีเมียมมากยิ่งขึ้น
ความสามารถด้านการถ่ายภาพ เก็บทุกโมเมนต์สำคัญด้วยพลัง AI
ปีนี้ทางออปโป้ ยกเครื่องเพิ่มศักยภาพในการถ่ายภาพบน OPPO Reno13 Series 5G ด้วยการเพิ่มการประมวลผล AI มาจัดการในหลายจุดทั้งก่อนและหลังถ่ายภาพ เพื่อให้ได้ภาพที่สวยเป็นธรรมชาติ มีสีสันที่สื่อได้หลากอารมณ์ที่ต้องการ แถมยังใส่ความล้ำที่ไม่เหมือนใคร แบบว่าฟีเจอร์แน่นคุ้มเกินค่าตัวไปมาก
AI Livephoto – จับทุกช่วงเวลามีชีวิต ไม่พลาดทุกความประทับใจ
OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อมฟีเจอร์ AI Livephoto ที่ช่วยให้การถ่ายภาพของคุณมีชีวิตชีวามากขึ้น เป็นการนำเอาฟีเจอร์ Livephoto ที่เหมือนจะไม่ใช่ของใหม่ มาต่อยอดและเพิ่มลูกเล่นให้ได้ประสบการณ์ถ่ายภาพที่สนุกและสร้างสรรค์ได้ยิ่งกว่าที่เคยมีมา
โดยปกติแล้ว Livephoto ในสมาร์ตโฟนทั่วไป จะบันทึกภาพพร้อมวิดีโอแค่ 1-2 วินาทีเท่านั้น แต่ AI Livephoto ยกระดับให้บันทึกวิดีโอสั้นๆ 3 วินาที เป็นช่วง 1.5 วินาทีก่อนกดชัตเตอร์ไปจนถึง 1.5 วินาทีหลังกดชัตเตอร์
คุณสามารถมาทำการ Edit เลือกเฟรมภาพในคลิปของ AI Livephoto ช่วง 3 วินาทีได้แบบไม่จำกัด และเมื่อเลือกภาพได้แล้ว ระบบ AI จะทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Pro XDR ช่วยเพิ่มความละเอียดและปรับแต่งรายละเอียดให้ได้ภาพถ่ายที่ความคมชัดมากขึ้น
ด้วยวิธีนี้ ทำให้คุณไม่จำเป็นต้องกดถ่ายภาพค้างเพื่อยิง Burst Shot หลาย ๆ ภาพ เพราะคุณมา Reframe ใน AI Livephoto ได้ง่ายกว่า และไม่ใช่แค่นั้น ตัวคลิป 3 วินาทีนี้ ยังเลือก Export เป็นไฟล์วิดีโอเพื่อเอาไปตัดต่อรวมกันเป็นคลิปสั้นได้อีกด้วย ถือว่าเป็นฟีเจอร์ที่ลองใช้แล้วมีประโยชน์ และมาจัดการหลังจากถ่ายภาพได้หลากหลายยืดหยุ่นมากขึ้น
และที่เด็ดมาก กับ AI Livephoto ใน OPPO Reno13 5G ยังรองรับการถ่ายภาพในโหมด Stage, Silhuette และ Fireworks แบบเดียวกับ OPPO Find X8 Series ได้อีกด้วย
เราได้ลองถ่ายพลุที่แต่ก่อนต้องถ่ายรัวๆ เพื่อให้ได้จังหวะที่พลุแตกตัวสวยที่สุด แต่เมื่อใช้ในโหมด AI Livephoto ทำให้สามารถมาเลือกรูปในระยะ 3 วินาทีที่ได้จังหวะที่ดีที่สุด รวมกับเลือกโหมด Fireworks ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีดำสนิท ขับแสงสีของพลุให้สวยเด่นยิ่งขึ้น
🔺 เลื่อนเฟรมหาภาพในจังหวะที่พลุแตกสวยๆ ได้
อีกประโยชน์ของ AI Livephoto ที่เราลองใช้แล้วชอบมากๆ คือถ่ายช็อตที่นางแบบกำลังเดินแล้วให้ดูเป็นธรรมชาติ แต่ก่อนจะต้องใช้วิธีทำเป็นเดินโยกไปมาแล้วกดถ่ายรัวๆ เพื่อมาเลือกภาพที่ดูเหมือนว่ากำลังเดินมากที่สุด
แต่พอใช้ AI Livephoto ตอนนี้ให้นางแบบเดินไปเลย ไม่ต้องหยุด เพราะถ่ายแล้วเรามาเลือกเฟรมให้จังหวะขากำลังก้าว และมือที่แกว่ง ภาพที่ได้จึงมีความเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
🔺 จังหวะเดินบนบันไดและวางขาแบบนี้ ผมว่ามันไม่โอเค จะให้นางแบบเดินขึ้นเดินลง หรือยันยกขาเดียวค้างเอาไว้ ก็กลัวว่าน้องจะร่วงลงมา
🔺 เมื่อถ่ายด้วย AI Livephoto ก็สามารถเลื่อนเฟรมจังหวะที่ยกขาก้าวบนบันไดได้เป็นธรรมชาติ
หรือในซีนถ่ายพอร์ตเทรตที่มีรอบๆ มีสิ่งเคลื่อนไหวอย่างเช่น ฟองสบู่ ที่ปลิวมาด้านหน้า เราอยากได้จังหวะที่ลอยผ่านแล้วฟองไม่บังหน้าของนางแบบ ซึ่งเป็นซีนที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ AI Livephoto ก็ทำได้ง่ายๆ แค่เล็งถ่ายช่วงที่คิดว่าไม่มีอะไรบังใบหน้า แล้วมา reframe เลือกหาจังหวะที่สวยที่สุด ก็ได้ภาพที่สวยเป๊ะเหมือนใช้กล้องถ่ายด้วยชัตเตอร์รัวด้วยความเร็วสูง
🔺 จังหวะที่จะกดชัตเตอร์ให้ฟองสบู่ลอยละล่องแล้วไม่บังหน้านางแบบ มันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะ
🔺 แต่ถ้าถ่ายมาด้วย AI Livephoto ก็สามารถเลื่อนหาจังหวะที่ต้องการได้ โดยภาพใบหน้าก็คมชัดอีกด้วย
และที่พิเศษไปกว่านั้น OPPO Reno13 Series ยังเป็นสมาร์ทโฟน Android เครื่องแรกที่สามารถแชร์ภาพ Live Photo ข้ามแพลตฟอร์มกับอุปกรณ์ iOS ได้ ทำให้การแบ่งปันความประทับใจกับเพื่อนๆ ที่ใช้ iPhone เป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องความเข้ากันไม่ได้ของระบบอีกต่อไป รวมถึงยังใช้กับแพลตฟอร์มโซเชียลยอดฮิตได้ทั้ง Instagram และ Whatsapp อีกด้วย
จะเห็นว่าภาพที่แชร์มาให้กับ iPhone จะสามารถเข้าไป Edit รูปแบบของภาพได้ทั้งหมด สามารถไป reframe หรือปรับ
ถ่ายภาพใต้น้ำได้เหมือนมี Action Camera ด้วยมาตรฐาน IP69
OPPO สร้างความแตกต่างให้กับ Reno13 Series 5G ด้วยการเพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพใต้น้ำ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในสมาร์ทโฟนระดับกลางของแบรนด์ ด้วยมาตรฐานกันน้ำระดับ IP69 ทำให้คุณสามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้อย่างมั่นใจ ราวกับมีสมาร์ทโฟนและ Action Camera ในเครื่องเดียว
มาตรฐาน IP69 นั้น สามารถลงน้ำสะอาดได้ลึก 2 เมตร แช่น้ำได้ 30 นาที และทนอุณหภูมิน้ำได้มากถึง 80 องศาเซลเซียส ดังนั้นจึงสามารถใช้นำลงไปถ่ายภาพในสระน้ำ หรือแหล่งน้ำสะอาด ไม่ใช่น้ำทะเล
โหมดถ่ายภาพใต้น้ำ มีความพิเศษที่ช่วยปรับแต่งภาพให้คมชัด สีสันสดใส แม้จะอยู่ในสภาพแวดล้อมใต้น้ำที่มีแสงน้อย และให้ใช้การควบคุมตอนที่อยู่ใต้น้ำ ผ่านการกดปุ่มปรับเสียงเพื่อกดชัตเตอร์ถ่ายภาพหรือบันทึกวิดีโอ และปุ่ม power เพื่อปิดหน้าจอ
และเมื่อนำเครื่องขึ้นจากน้ำ จะมีระบบระบายน้ำอัจฉริยะ ที่คุณสามารถเปิดใช้งานได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่ม Power เครื่องค้างไว้ 3 วินาที ระบบจะส่งคลื่นเสียง สร้างแรงสั่นเพื่อไล่น้ำออกจากลำโพง ช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหลังการใช้งาน
ด้วยฟีเจอร์นี้ ทำให้ OPPO Reno13 Series 5G กลายเป็นสมาร์ทโฟนที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพสนุกๆ ในปาร์ตี้ริมสระว่ายน้ำ พูลวิลล่า หรือจะถ่ายปลาหรือธรรมชาติใต้น้ำบริเวณน้ำตก คุณสามารถเก็บภาพความประทับใจได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะเสียหาย
🔺 ตัวอย่างคลิปถ่ายใต้น้ำด้วยโหมด Underwater
🔺 ตัวอย่างภาพถ่ายใต้น้ำด้วยโหมด Underwater
Master Filters และระบบถ่ายพอร์ตเทรตอัจฉริยะ เติมสีสันในทุกภาพถ่าย
โหมด Master Filters ที่ช่วยให้การถ่ายภาพพอร์ตเทรตของคุณโดดเด่นด้วยโทนสีสไตล์กล้องฟิล์ม โดยจะมีให้เลือก 3 โทนสีด้วยกันคือ
- Film CC – Fresh เหมาะสำหรับถ่ายในซีนของริมชายหาด, ในสวน, ลานหิมะ และพื้นที่ในร่ม
- Film NC – Emerald เหมาะสำหรับสายสตรีท, คาเฟ่, ชายหาด และในสวน
- Film NH – Clear เหมาะสำหรับการถ่ายพอร์ตเทรตกลางแจ้ง
ฟิลเตอร์ใหม่นี้ ช่วยสร้างอารมณ์และบรรยากาศในภาพให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยสีสไตล์เรโทรกล้องฟิล์ม ที่ช่วยเปลี่ยนภาพๆ เดียวให้ได้อารมณ์แตกต่างกัน
นอกจากนี้ ในโหมดพอร์ตเทรตยังมีการเพิ่มฟีเจอร์ Soft Light 3 สไตล์ Misty, Glowy และ Dreamy ที่มาช่วยเพิ่มความฟุ้งชวนฝัน สร้างความนุ่มนวลของแสงให้รู้สึกละมุนตา ทำให้ได้ภาพถ่ายที่สวยสะดุดตายิ่งขึ้น
🔺 ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยฟีเจอร์ Soft Light
สำหรับ OPPO Reno13 5G มีการเพิ่มระบบ AI ถ่ายพอร์ตเทรตกลางคืนที่ฉลาดขึ้น สามารถแยกแยะวัตถุและตัวแบบได้แม่นยำ พร้อมปรับแสงและโทนสีผิวให้สมดุลโดยอัตโนมัติ และยังจับภาพเป็นระยะชัตเตอร์ที่นานขึ้น เพื่อเก็บแสงและรายละเอียดในภาพ ทำให้ภาพพอร์ตเทรตกลางคืนออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ ไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป
นอกจากนี้ ยังมีระบบปรับแต่งภาพอัตโนมัติที่เรียนรู้จากฐานข้อมูลภาพขนาดใหญ่ ช่วยให้กล้องสามารถจดจำฉากและปรับการตั้งค่าที่เหมาะสมได้ในทันที ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพในร่ม กลางแจ้ง หรือแสงน้อย AI จะทำงานเบื้องหลังเพื่อให้คุณได้ภาพที่สวยที่สุดในทุกสภาพแสง
พิเศษสำหรับคนที่ชอบใช้เฟรมภาพ ใน OPPO Reno13 Series มีเพิ่มดีไซน์ของลายน้ำ Watermark ให้เลือกหลายแบบและปรับแต่งได้เยอะมาก ทั้งปรับไอคอน, เลย์เอาท์, ข้อมูลดาต้าของภาพถ่าย, สีกรอบ เพื่อให้ได้ภาพสวยๆ หลายสไตล์เพื่อใช้โพสต์หรือแชร์ได้ไม่เหมือนใคร หรือถ้าใครไม่ได้เปิดใช้งาน ก็มา Edit เปลี่ยนภายหลังได้อีกด้วย
AI Editor – เครื่องมือแก้ไขภาพอัจฉริยะ ช่วยให้ทุกภาพสมบูรณ์แบบ
OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อมชุดเครื่องมือแก้ไขภาพอัจฉริยะที่ช่วยแก้ปัญหาภาพถ่ายที่พบบ่อยได้อย่างง่ายดาย ด้วย AI Editor ที่รวมฟีเจอร์การแก้ไขภาพไว้ครบครัน รวมถึงรูปที่ถ่ายด้วย AI Livephoto ก็สามารถนำมาแต่งต่อใน AI Editor ได้ด้วย โดยเด่นๆ มี 4 ฟีเจอร์หลักคือ
AI Clarity Enhancer ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดให้กับภาพที่ถูกครอป โดย AI จะวิเคราะห์และเพิ่มรายละเอียดให้กับส่วนที่ถูกขยาย ทำให้ภาพยังคงความคมชัดแม้จะถูกครอปหลายครั้ง
🔺 ในภาพ เราสามารถ Crop ภาพซูมเข้าไป แล้วใช้ AI Clarity Enhancer ปรับเพิ่มความละเอียดให้มีความคมชัดได้
AI Eraser 2.0 เครื่องมือช่วยลบสิ่งที่ไม่ต้องการในภาพ ที่ใช้งานง่าย ด้วยการลากวงวัตถุในภาพ, ระบายทับสิ่งที่ต้องการลบ หรือสแกนหาคนที่เดินเกะกะในภาพและสั่งลบทั้งหมดได้ในครั้งเดียว ตัว AI มีความฉลาดและสามารถลบพร้อมสร้างภาพใหม่มาแทนที่ได้อย่างเหมาะสมแนบเนียน
🔺 เครื่องมือ AI Eraser 2.0 สามารถตรวจจับหาบุคคลที่อยู่ในฉากหลัง ทำการลบและเติมภาพให้สมบูรณ์ โดยไม่ต้องมีทักษะในการ retouch ภาพ และไม่ต้องใช้แอปอื่นๆ มาแต่งให้วุ่นวาย
AI Unblur ฟีเจอร์ที่ช่วยกู้ภาพเบลอให้กลับมาคมชัด เหมาะสำหรับภาพที่มีการเคลื่อนไหวขณะถ่าย หรือภาพที่สั่นเบลอ AI จะทำการวิเคราะห์และปรับแต่งให้ภาพกลับมาคมชัดอีกครั้ง ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกความทรงจำสำคัญ
🔺 จากภาพต้นฉบับที่มีความเบลอทั้งใบหน้า ใช้เครื่องมือ AI Unblur ระบบจะทำการปรับแต่งทั้งภาพให้มีความคมชัด ซึ่งทำออกมาได้ในระดับที่ดี
🔺 เปรียบเทียบภาพก่อนและหลังใช้ AI Unblur
AI Reflection Remover ที่ช่วยกำจัดเงาสะท้อนจากกระจกหรือวัตถุสะท้อนแสงออกจากภาพได้อย่างแม่นยำ ทำให้ภาพที่ถ่ายผ่านกระจก หรือมีเงาสะท้อนรบกวน กลับมาดูสวยงามเป็นธรรมชาติ
🔺 การลบเงาสะท้อนบนกระจก จะทำทั้งหมดในภาพ และสามารถจัดการกับเงาที่เกิดบนใบหน้าได้ค่อนข้างดีเลย
ด้วยชุดเครื่องมือแก้ไขภาพอัจฉริยะเหล่านี้ ทำให้ OPPO Reno13 Series 5G ไม่ใช่แค่สมาร์ทโฟนที่ถ่ายภาพสวย แต่ยังช่วยให้คุณสามารถแก้ไขและปรับแต่งภาพให้สมบูรณ์แบบได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง
ลองใช้งานเครื่องมือ AI Editor ปรับแต่งภาพให้ออกมาสวยสมบูรณ์
หลังจากที่เราเล่าถึงเครื่องมือ AI สำหรับการแต่งภาพของ OPPO Reno13 Series 5G ไปเรียบร้อยแล้ว คราวนี้เรามาลองใช้งานจริง ในการปรับภาพที่ถ่ายมาให้มีความสวยงามลงตัวมากขึ้น
ภาพเราถ่ายมาโดยเปิดโหมด AI Livephoto และให้นางแบบเดินชมนกชมไม้มาตามทาง ในภาพจะเห็นว่าท่าเดินยังดูไม่สวย รวมถึงยังมีหลายอย่างที่เกะกะในภาพ ทั้งเสาไฟ และคนที่นั่งนอนอยู่ด้านหลัง
เริ่มต้นด้วยการมาปรับ Reframe เพื่อให้ได้ท่าโพสต์ของนางแบบที่สวยที่สุด ผมเลือกช่วงที่จังหวะก้าวขาไปข้างหน้าและหันไปมองอีกด้าน ซึ่งให้ความรู้สึกที่เดินแบบเป็นธรรมชาติ
จากนั้นใช้เครื่องมือ Smart lasso ใน AI Eraser ลากวงเลือกลบเสาไฟและเสากล้องวงจรปิดที่อยู่ในภาพ
เคลียร์ออกไปเรียบร้อย ภาพดูสะอาดและไม่มีอะไรมาดึงดูดความสนใจจากนางแบบ
ขั้นตอนสุดท้ายทำการ crop ภาพเพื่อจัดองค์ประกอบให้ดูลงตัว ตามหลักจุดตัด 9 ช่อง โดยวางนางแบบไว้ที่จุดตัด และเลือกคำสั่ง Enchance clarity เพื่อเพิ่มรายละเอียดของภาพที่ crop เข้ามาให้คมชัดมากขึ้น
และเราก็ได้ภาพที่ปรับออกมาสมบูรณ์เรียบร้อย โดยผ่านแค่ไม่กี่ขั้นตอน ถือว่าสนุกมากสำหรับคนที่ชอบปรับแต่งภาพ โดยที่ไม่ต้องใช้เครื่องมือจากแอปอื่นให้วุ่นวาย
ระบบกล้องคู่อัจฉริยะ ถ่ายทุกภาพได้คมชัดในทุกสถานการณ์
OPPO Reno13 Series 5G มาพร้อมระบบกล้องคู่ที่ได้รับการพัฒนาให้ทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างลงตัว โดยมีกล้องหลัก 50MP ที่มาพร้อมระบบกันสั่น OIS ช่วยให้ภาพถ่ายและวิดีโอนิ่ง ไม่สั่นไหว แม้จะถ่ายในสภาพแสงน้อยหรือขณะเคลื่อนที่ ทำงานร่วมกับกล้องมุมกว้างพิเศษ Ultra-wide 8MP และยังมีเสริมเป็นกล้องมาโคร 2MPใน OPPO Reno13 F 5G และกล้องโมโนโครม 2MP ใน OPPO Reno13 5G
กล้องเซลฟี่ความละเอียดสูง 32MP ใน OPPO Reno13 F 5G และ 50MP OPPO Reno13 5G มาพร้อมมุมกว้าง FOV 90° ทำให้สามารถถ่ายภาพเซลฟี่แบบกลุ่มได้ครบทุกคน หรือจะถ่ายภาพเซลฟี่คู่กับวิวสวยๆ ก็ได้ภาพที่มีองค์ประกอบสมบูรณ์ โดย AI จะช่วยปรับแสงและโทนสีผิวให้สมดุลโดยอัตโนมัติ
🔺 ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยกล้องหน้าเซลฟี่
นอกจากนี้ยังมีโหมดถ่ายภาพอัจฉริยะต่างๆ ที่ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกและสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น โหมดถ่ายภาพกลางคืน ที่ช่วยเก็บรายละเอียดในที่มืด โหมด HDR ที่ช่วยปรับแสงเงาให้สมดุลในสภาพแสงที่มีความแตกต่างสูง และโหมดถ่ายภาพมาโครที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะใกล้ได้คมชัด
🔺 ตัวอย่างภาพถ่ายโหมดกลางคืน
🔺 ตัวอย่างภาพถ่ายด้วยโหมดพอร์ตเทรต
OPPO Reno13 Series 5G ยกระดับสมาร์ทโฟนระดับกลางด้วยพลัง AI ครบครัน
นอกเหนือจากความสามารถ AI ในด้านการถ่ายภาพและตกแต่งภาพแล้ว OPPO Reno13 Series 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นแรกๆ ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในการทำงานหลากหลายด้าน เพื่อให้การใช้งานประจำวันสะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญรองรับการใช้งานภาษาไทยได้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย
AI Recording Summary การบันทึกเสียงที่ไม่ใช่แค่เก็บเสียงพูดเสียงประชุม แต่เรายังสั่งให้ AI ทำการถอดคำพูดให้เป็นข้อความได้อย่างแม่นยำ พร้อมทั้งสรุปเนื้อหาสั้นๆ เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย จากที่เราทดสอบกับภาษาไทยก็ทำได้อย่างแม่นยำ
Voice Translate เครื่องมือช่วยแปลภาษาคำพูดแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับการใช้เพื่อสนทนากับชาวต่างชาติ ที่เราพูดแล้วจะแปลเป็นภาษาของอีกฝ่ายให้ทันที เป็นตัวช่วยเวลาที่ต้องไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการถามเส้นทาง สั่งอาหาร ต่อราคา หรือพูดคุยโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกำแพงภาษาอีกต่อไป
Screen Translator ที่จะแปลงภาพบนหน้าจอเป็นภาษาที่ต้องการ เหมาะสำหรับเวลาไปต่างประเทศเพื่อดูความหมายของป้ายต่างๆ, ฉลากสินค้า, เมนูอาหาร แค่กดเปิดกล้องแล้วเลือกคำสั่ง ก็จะแปลทับบนตำแหน่งภาษาเดิมให้ทันที ที่เลือกได้หลายภาษา และแน่นอนว่า รองรับภาษาไทยได้ด้วยเช่นกัน
AI Assitant for Note : การจดบันทึกที่มี Generative AI มาช่วยจัดการงานเขียนต่างๆ ให้เป็นเรื่องง่าย ที่สามารถช่วยเรียบเรียงข้อความในสำนวนแบบทางการ, ไม่ทางการ, สนุกสนาน รวมไปถึงสรุปย่อเนื้อหายาวๆ, เขียนขยายเนื้อหาเพิ่ม เป็นผู้ช่วยสารพัดประโยชน์ในหลากหลายงานได้ดีเยี่ยม ง่ายๆ อย่างเช่นการเขียนแคปชั่นเวลาโพสต์บนโซเชียล แล้วนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไร ลองมาใช้ AI ใน Notes ช่วยเขียนให้เราได้สะดวกมากๆ
สำหรับใน OPPO Reno13 5G จะรองรับฟีเจอร์ Circle to Search ให้สามารถค้นหาได้รวดเร็วขึ้น เพียงแค่กดปุ่ม Home ที่ด้านล่างของจอค้างไว้ แล้วใช้นิ้ววงรอบสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ ก็จะทำการค้นหาบน Google ทันที เหมาะสำหรับเวลาเห็นเสื้อผ้า, สิ่งของ, ไอเท็มน่าสนใจ ก็แค่กดเรียกใช้แล้ววงสิ่งนั้น ก็จะรู้ได้เลยว่าเป็นสินค้าอะไร และมีข้อมูลให้ไปสั่งซื้อได้อีกด้วย
ฟีเจอร์เหล่านี้ล้วนเป็นเทคโนโลยี AI ระดับเรือธงที่ OPPO นำมาใส่ในสมาร์ทโฟนระดับกลาง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงประสบการณ์การใช้งาน AI ที่ครบครัน โดยไม่จำเป็นต้องซื้อสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่มีราคาสูง ถือเป็นการตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ฉลาดและใช้งานง่าย ในราคาที่เข้าถึงได้
Tap To Share ส่ง-รับไฟล์กับ iPhone ได้อย่างราบรื่น
ฟีเจอร์ที่สร้างความฮือฮาไปในการเปิดตัว OPPO Find X8 series เมื่อปลายปีที่แล้ว ก็มีให้ใช้ด้วยเช่นกัน หมดปัญหาเวลาถ่ายรูปถ่ายวิดีโอหรือจะส่งเอกสารให้กับเพื่อนที่ใช้งาน iPhone จากแต่ก่อนอาจจะต้องส่งเป็นอีกเมล์ หรือโยนให้ทาง LINE ผลที่ได้คือภาพที่ส่งไปความละเอียดลดลง หรือถ้าไฟล์มีขนาดใหญ่มากๆ ก็ใช้เวลานานและเปลืองค่าอินเทอร์เน็ตทั้งคนส่งและคนโหลด
แต่ระบบนี้ คือการส่งไฟล์ข้อมูลลักษณะเดียวกับ Airdrop โดยที่ฝั่ง iPhone จะต้องลงแอป O+ Connect ก่อน จากนั้นเพียงแค่กดเลือกและแชร์ไฟล์ที่ต้องการ จากนั้นเอาทั้ง 2 เครื่องมาแตะกัน จากนั้นก็ทำการเชื่อมต่อและรับส่งไฟล์ผ่าน Wi-Fi ได้เลย โดยไฟล์จะไม่โดนบีบอัด หรือถ้าไฟล์ใหญ่หรือมีหลายไฟล์ก็แชร์ส่งแชร์ได้อย่างรวดเร็ว
เริ่มการแชร์ง่ายๆ แค่เอามาทั้ง 2 เครื่องมาแตะกัน ก็จะเกิดเอฟเฟคคล้ายกับการส่ง Airdrop ขึ้นมา และที่ iPhone ก็จะมีคำสั่งเด้งขึ้นมาเพื่อทำการตอบรับไฟล์
เป็นฟีเจอร์ที่เราปรบมือขอบคุณ OPPO เพราะช่วยให้เราส่งภาพพอร์ตเทรตสวยๆ ไปอวดเพื่อนที่ใช้ iPhone อิจฉา และการใช้งานก็ง่าย รวดเร็ว ปลอดภัย ไม่ต้องหาแอปแชร์ไฟล์ที่มักจะมีโฆษณากวนใจใส่มาจำนวนมาก
สมรรถนะและการเล่นเกม เร็ว แรง ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน
OPPO Reno13 Series 5G ไม่ได้โดดเด่นแค่เรื่องการถ่ายภาพ แต่ยังมาพร้อมประสิทธิภาพการทำงานที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการเล่นเกมที่ต้องการความเสถียรและความลื่นไหล
สำหรับ OPPO Reno13 5G ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8350 ที่มาพร้อม CPU 8 แกนประสิทธิภาพสูง และ GPU ARM Turse G615 ที่รองรับการเล่นเกมระดับกลางถึงสูงได้อย่างลื่นไหล
ส่วน OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 6 Gen 1 CPU 8 แกนประสิทธิภาพสูง ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 4nm เป็นชิประดับกลางที่ให้ประสิทธิภาพสมดุลระหว่างการใช้งานทั่วไปและการเล่นเกม
ทั้งสองรุ่นทำงานบนระบบปฏิบัติการ ColorOS 15.0 ที่พัฒนาบน Android 15 ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ๆ มากมาย รวมถึงการปรับแต่งระบบให้ทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการแรม การประมวลผลภาพ หรือการจัดการพลังงาน
นอกจากสเปกพื้นฐานที่แข็งแกร่งแล้ว OPPO ยังเพิ่มเทคโนโลยีพิเศษที่ช่วยให้การใช้งานในด้านต่างๆ ให้สมาร์ตโฟนในระดับกลางมีประสิทธิภาพและเสถียรมากยิ่งขึ้น
RAM และพื้นที่เก็บข้อมูลจุใจ
ทั้งสองรุ่นมาพร้อม RAM ขนาด 12GB และมีให้เลือกทั้งรุ่น ROM 256GB และ 512GB โดยใช้ RAM แบบ LPDDR5X ที่มีความเร็วในการอ่านและเขียนข้อมูลสูง ทำให้การเปิดใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันทำได้อย่างลื่นไหล ไม่มีอาการกระตุกหรือหน่วง
พร้อมกันนี้ยังมีระบบ RAM Expansion ที่เปลี่ยนพื้นที่ ROM มาใช้เป็น RAM เสมือนได้มากสุดถึง 12GB รวมกันเป็น 24GB ช่วยเพิ่มความลื่นไหลในการใช้งานแอปหนักๆ หรือการเปิดหลายแอปพร้อมกันได้ดียิ่งขึ้น
การเชื่อมต่อเสถียร ไม่มีสะดุดด้วย AI LinkBoost 2.0
หนึ่งในนวัตกรรมที่ OPPO พัฒนาขึ้นเองคือระบบ AI LinkBoost 2.0 ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อเครือข่าย 4G 5G และ WiFi ให้มีความเสถียรมากขึ้น แม้จะอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้ใช้งานจำนวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามกีฬา หรือสถานีรถไฟฟ้า หรือภายในบ้านและออฟฟิศสำนักงาน
ระบบ AI จะทำการวิเคราะห์และเลือกใช้คลื่นความถี่ที่เหมาะสมที่สุด ทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตมีความเสถียรทั้งเรื่องของความเร็วและความหน่วงของสัญญาณ ให้ประสบการณ์ใช้งานออนไลน์ที่ลื่นไหล ไม่มีอาการหลุด หรือสะดุด
หรือในสถานการณ์ที่ต้องสลับสัญญาณระหว่างเครือข่าย อย่างเช่นการเข้าออกลิฟท์ หรือจุดอับสัญญาณ อย่างเช่น ในชั้นใต้ดินหรือลานจอดรถ ระบบก็จะสลับเลือกให้โดยไม่ให้เกิดการขาดตอนของสัญญาณ ทำให้ทุกการใช้งานออนไลน์ไม่เจอกับการหลุดของสัญญาณ
เล่นเกมลื่น ไม่มีกระตุกด้วย AI HyperBoost
สำหรับสายเกมเมอร์ OPPO ได้เพิ่มระบบ AI HyperBoost ที่ช่วยอัปเกรดประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการจัดการทรัพยากรของเครื่องให้เหมาะสมกับเกมแต่ละประเภท ช่วยลดปัญหาภาพกระตุก หรือเฟรมเรทตก ทำให้การเล่นเกมลื่นไหล และตอบสนองได้ฉับไว
การทดสอบเล่นเกม เราลองกับเกม RoV ตีป้อมขวัญใจมหาชน ระบบสามารถทำให้เราเลือกปรับกราฟิกระดับสูงสุด โดยที่เลือกระดับเฟรมเรตได้ถึง 60fps และในการเล่นก็มีความเสถียร วิ่งนิ่งๆ โดยแทบไม่มีการแกว่งเลย
แบตเตอรี่อึด ชาร์จไว ใช้ได้ทั้งวัน
OPPO Reno13 F 5G มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5,800 mAh และระบบชาร์จเร็ว 45W SUPERVOOC ส่วน OPPO Reno13 5G มีแบตเตอรี่ขนาด 5,600 mAh พร้อมระบบชาร์จเร็วกำลังสูงถึง 80W SUPERVOOC ช่วยให้คุณสามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็สามารถชาร์จกลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยสเปกระดับนี้ OPPO Reno13 Series 5G จึงพร้อมรองรับทั้งการใช้งานทั่วไป การถ่ายภาพและวิดีโอ รวมไปถึงการเล่นเกมที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนที่ทำได้ทุกอย่างในเครื่องเดียว
สรุป รีวิว OPPO Reno13 Series 5G สมาร์ทโฟน AI ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
หลังจากที่ TechOffside เราได้ทดสอบ รีวิว OPPO Reno13 Series 5G มีหลายอย่างที่ประทับใจมาก เพราะว่านี่เป็นการยกระดับสมาร์ทโฟนระดับกลางให้มีความสามารถใกล้เคียงกับรุ่นเรือธงมากขึ้น จะเห็นว่าหลายฟีเจอร์ที่มีใน OPPO Find X8 Series เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้ ก็มีส่งต่อมาให้ใช้หลายฟีเจอร์ โดยเฉพาะด้าน Generative AI ทั้งด้านของภาษา, เขียน, แปลภาษา, ถอดเสียงเป็นข้อความ ฯลฯ ใช้งานได้เต็มรูปแบบ รองรับภาษาไทย เรียกได้ว่าเทียบชั้นสมาร์ตโฟนเรือธงเครื่องราคา 4-5 หมื่นบาทได้เลย
เรียกได้ว่า นี่เป็นการลบภาพจำของหลายๆ คน ที่คิดว่า สมาร์ตโฟนที่พร้อมใช้งาน AI จะมีเฉพาะในรุ่นพรีเมียมหรือเป็นของที่เข้าถึงยาก เพราะวันนี้ AI ได้กลายมาเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนควรได้ใช้งาน
“เรายกให้ OPPO Reno13 Series 5G คือสมาร์ตโฟนรุ่นแรก สำหรับคนที่อยากเปิดโลกเรียนรู้การใช้ AI โดยไม่ต้องเสียเงินค่าบริการรายเดือน หรือลงทุนกับรุ่นที่ราคาสูง”
ส่วนของการถ่ายพอร์ตเทรตก็ได้ก้าวไปอีกขั้นสู่ “The AI Portrait Expert” ที่นำ AI เข้ามาช่วยในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การถ่าย การแก้ไข ไปจนถึงการแชร์ภาพ ส่วน AI Livephoto เป็นการเพิ่มลูกเล่นในการถ่ายภาพพร้อมวิดีโอ 3 วินาที ที่ช่วยให้การถ่ายภาพมีชีวิตชีวา ไม่พลาดในการเก็บภาพในช่วงเวลาสำคัญ นำไปปรับแก้เฟรมหรือใช้เป็นคลิปไปตัดต่อโมเมนต์ต่างๆ ได้อย่างสนุกสนาน
ทำให้ประสบการณ์ด้านการถ่ายภาพและวิดีโอนั้น เข้ามือสุดๆ ทั้งสาย “จบหลังกล้อง” ที่ถ่ายปุ้บได้ภาพสวยๆ พร้อมแชร์สู่โซเชียลได้ทันที หรือจะเป็น “สายประดิษฐ์” ที่ชอบการปรับแต่ง crop วางองค์ประกอบภาพให้ลงตัว ปรับสีแสง ใส่เฟรม ก็ทำได้อิสระมากยิ่งขึ้น
ทางด้านของดีไซน์ก็สวยงามด้วยลวดลายปีกผีเสื้อ โดดเด่นไม่ซ้ำใคร หน้าจอ AMOLED คมชัดพร้อมอัตรารีเฟรชเรต 120Hz และแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ใช้งานได้ยาวนาน และยังเพิ่มมาตรฐานกันฝุ่นกันน้ำเป็น IP69 ให้ใช้งานได้มั่นใจ และใส่ลูกเล่นใช้เป็นกล้องถ่ายภาพใต้น้ำได้ด้วย
รีวิว OPPO Reno13 F 5G และ OPPO Reno13 5G เลือกรุ่นไหนดี?
ในความเห็นของทาง TechOffside เราแนะนำให้ OPPO Reno13 F 5G เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลการถ่ายภาพและต้องการฟีเจอร์ที่แตกต่าง โดดเด่นด้วยความสามารถในการถ่ายภาพใต้น้ำด้วยมาตรฐานกันน้ำ IP69 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในสมาร์ตโฟนระดับกลางของ OPPO ที่สามารถถ่ายภาพใต้น้ำได้อย่างคมชัด สีสันสดใส ได้ฟีเจอร์ถ่ายภาพที่หลากหลาย แบตเตอรี่ใหญ่ชาร์จไวใช้ได้ทั้งวัน ในงบราคาเริ่มต้นที่เข้าถึงได้ง่าย ก็ได้สมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานยุคใหม่ได้รอบด้าน
ส่วน OPPO Reno13 5G เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสมาร์ตโฟนที่มีสเปกแรงและชาร์จเร็วกว่า ด้วยชิป MediaTek Dimensity 8350 และระบบชาร์จเร็ว 80W SUPERVOOC ที่แม้จะมีแบตเตอรี่ขนาด 5,600 mAh แต่ก็ชาร์จได้เร็วกว่า นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นด้านการถ่ายภาพพอร์ตเทรตกลางคืนด้วย AI และฟีเจอร์ AI Best Face ที่ช่วยให้ภาพถ่ายออกมาสวยงามยิ่งขึ้น
สำหรับข้อสังเกตสำหรับสมาร์ตโฟน 2 รุ่นนี้ หลักๆ เลยจะเป็นเรื่องการไม่รองรับเพิ่มหน่วยความจำเสริมผ่าน microSD ทำให้เวลาซื้อก็ควรเลือกให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ใช้งานของตัวเอง ถ้าคุณเป็นสายครีเอเตอร์ชอบถ่ายรูปถ่ายคลิปและตัดต่อในมือถือ เราแนะนำว่าเลือกความจุ 512GB ไปเลยดีกว่า
รวมถึงฟีเจอร์ด้าน AI ส่วนใหญ่จะต้องใช้งานแบบ On Cloud ไม่ได้ประมวลผลภายในเครื่อง เพราะตัวชิปที่ใช้งานยังไม่ได้มี NPU มาเน้นช่วยในส่วนนี้ ทำให้ในการสั่งงาน AI อย่างการปรับแต่งภาพต่างๆ จะต้องออนไลน์ด้วยจึงจะใช้งานได้
สรุปแล้ว ถือว่าทำได้ดีมากกับ OPPO Reno13 Series 5G ในปีนี้ ที่อัปเกรดแบบจัดเต็มครบเครื่อง พร้อมรับกับเทรนด์ปี 2025 ได้อย่างคุ้มค่า เชื่อเลยว่าถ้าคุณอยากได้สมาร์ตโฟนในงบราคาเริ่มต้นแค่หมื่นต้นๆ แล้วได้ทั้งดีไซน์สวยพรีเมียม กล้องถ่ายพอร์ตเทรตสวย มี AI ให้ใช้ครบเหมือนรุ่นเรือธงแพงๆ รุ่นนี้ให้ได้อย่างที่คุณต้องการอย่างแน่นอนครับ
ราคา โปรโมชัน OPPO Reno13 F 5G
OPPO Reno13 F 5G
- 12GB+256GB : 12,999 บาท
- 12GB+512GB : 14,999 บาท
OPPO Reno13 5G
- 12GB + 256GB : 17,999 บาท
- 12GB + 512GB : 19,999 บาท
OPPO ยืนยันให้ความสำคัญสูงสุดต่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
เราขอเสริมต่อเกี่ยวกับประเด็นก่อนหน้านี้ เกี่ยวกับปัญหาแอปพลิเคชันด้านสินเชื่อที่เป็นประเด็นก่อนหน้านี้ ปัจจุบันตอนนี้ทาง OPPO ได้จัดการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ด้วยการถอนการติดตั้งแอปพลิเคชัน Fineasy รวมถึงแอปพลิเคชันของบุคคลที่สามอย่าง สินเชื่อความสุข ออกจากสมาร์ตโฟน OPPO ที่วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รวมถึงมีมาตรการป้องกันระยะยาว ก็ได้มีการยุติการติดตั้งแอปพลิเคชันประเภทสินเชื่อทั้งหมดที่มาพร้อมกับเครื่องโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ ยังจะยกเลิกการแนะนำแอปพลิเคชันประเภทสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์ม APP Market ของบริษัทอีกด้วย
พร้อมกันนี้สำหรับผู้ที่ซื้อ OPPO Reno 13 Series และสมาร์ตโฟนออปโป้รุ่นอื่นๆ สามารถใช้สิทธิพิเศษ “เก่าแลกใหม่” โดยมีบริการหลังการขายเพิ่มเติมมอบให้
- ขยายระยะเวลาการรับประกันเครื่อง : ลูกค้าที่ซื้อเครื่องโดยใช้สิทธิพิเศษ “เก่าแลกใหม่” ระหว่างวันที่ 28 มกราคม 2568 ถึง วันที่ 31 มกราคม 2569 จะได้รับการขยายระยะเวลาการประกันเครื่องเพิ่ม 2 ปี
- การรับประกันจอแตก : ลูกค้าที่ซื้อเครื่องโดยใช้สิทธิพิเศษ “เก่าแลกใหม่” ระหว่างวันที่ 28 มกราคม 2568 ถึง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 จะได้รับการรับประกันจอแตก 1 ครั้งต่อปี เพิ่มเติมจากข้อแรก
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok