HTC เปิดตัวสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้นรุ่นใหม่ Wildfire E5 Plus ที่มาพร้อมดีไซน์ทันสมัย กล้องหลัก 50 MP และหน้าจอรีเฟรชเรต 90 Hz นอกจากนี้ยังรองรับทั้งช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. และช่องเสียบการ์ด microSD เพิ่มเติม
เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดในตระกูล Wildfire ที่เน้นกลุ่มตลาดระดับราคาประหยัด แม้จะเป็นรุ่นเริ่มต้นแต่ HTC ยังคงให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ทันสมัย ด้วยขอบเรียบ โมดูลกล้องทรงกลมสองตัว และด้านหลังเรียบมีให้เลือกสองสี คือ น้ำเงินและดำ มีเพียงหน้าจอที่มีขอบล่างหนาและมีรอยบากด้านบนเท่านั้นที่บ่งบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับเริ่มต้น
Wildfire E5 Plus มาพร้อมหน้าจอขนาด 6.745 นิ้ว ความละเอียดระดับ 720p+ และอัตรารีเฟรชที่ 90 Hz กล้องหน้าความละเอียด 16 MP กล้องหลักความละเอียด 50 MP และกล้องรองความละเอียด 2 MP ซึ่งโมดูลกล้องที่สองนี้ถือเป็นองค์ประกอบเสริมมากกว่าการใช้งานจริง
ด้านประมวลผล HTC เลือกใช้ชิป Unisoc Tiger T606 ผลิตด้วยกระบวนการ 12 นาโนเมตรจากปี 2019 ประกอบด้วยแกนประมวลผลประสิทธิภาพสูง ARM Cortex-A75 สองแกนที่ความเร็วสูงสุด 1.6 GHz และแกนประหยัดพลังงาน Cortex-A55 อีกหกแกน
อุปกรณ์มาพร้อม RAM 6 GB และความจำภายใน 128 GB ซึ่งสามารถขยายเพิ่มได้ด้วยการ์ด microSD แบตเตอรี่ขนาด 5,000 mAh ชาร์จผ่านพอร์ต USB-C รองรับการเชื่อมต่อโมเด็ม 4G แต่ไม่รองรับ 5G มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 14 สำหรับการเชื่อมต่อหูฟัง สามารถทำได้ทั้งผ่าน Bluetooth 5.0 หรือช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
Wildfire E5 Plus กำลังจะเปิดตัวครั้งแรกในเวียดนาม โดยรุ่น RAM 6 GB และความจำ 128 GB จะมี ราคา 2,379,000 ดอง (ประมาณ 3,200 บาท) นอกจากนี้ทาง HTC ได้เตรียมตัวเข้ามาเปิดตัวและวางจำหน่ายในประเทศไทยเร็ว ๆ นี้ โดย P.T.E. Intergroup Co.,Ltd.
สเปค HTC Wildfire E5 Plus
- หน้าจอขนาด 6.745 นิ้ว ความละเอียด HD+ รีเฟรชเรต 90Hz
- กล้องหน้า 16 MP
- กล้องหลัก 50 MP, กล้องวัดความลึก 2 MP
- ชิปเซ็ต Unisoc T606 ความเร็ว 1.6GHz 12nm
- RAM 6 GB
- พื้นที่เก็บข้อมูล 128 GB ขยายเพิ่มได้ด้วยการ์ด microSD
- ระบบปฏิบัติการ Android 14
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000 mAh
- ระบบสแกนลายนิ้วมือและการจดจำใบหน้า
- รองรับ 4G LTE, Wi-Fi 802.11, Bluetooth 5.0, USB Type-C, ช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.
- ตัวเลือก 2 สี สีเทา, สีน้ำเงิน
ข้อมูลจาก: Notebookcheck
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok