รีวิว Xiaomi Watch S4 และ Xiaomi Buds 5 Pro หลังจากเปิดตัวในงาน MWC 2025 ไป ในประเทศไทยเราก็พร้อมวางจำหน่ายทันที เรียกได้ว่าไม่ปล่อยให้แฟนๆ เสียวหมี่ต้องรอนาน ซึ่งทั้งสองผลิตภัณฑ์นี้โดดเด่นด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยควบคู่กับดีไซน์ที่สวยงาม
Xiaomi Watch S4 สมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ นำเสนอแนวคิด “Dial up your style” ด้วยหน้าจอ AMOLED 1.43 นิ้ว ความสว่างสูงถึง 2,200 nits พร้อมกรอบนาฬิกาที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย มาพร้อมระบบติดตามสุขภาพขั้นสูงและแบตเตอรี่อายุการใช้งานยาวนานถึง 15 วัน
ส่วนทางด้านของ Xiaomi Buds 5 Pro หูฟังไร้สายที่มาในคอนเซปต์ “Hear the difference” มอบประสบการณ์เสียงระดับสตูดิโอด้วยเทคโนโลยีลำโพงคู่พร้อมไดรเวอร์สามตัว และครั้งแรกกับตัวเลือกการเชื่อมต่อผ่าน WiFi ที่ส่งสัญญาณเสียงแบบไร้การสูญเสียที่ความเร็วสูงถึง 4.2Mbps
ทั้งสองผลิตภัณฑ์ไม่เพียงเน้นความงามทางกายภาพแต่ยังให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้งานและความสะดวกสบาย ทำงานร่วมกันอย่างไร้รอยต่อภายในระบบนิเวศของ Xiaomi ตอบโจทย์ผู้ใช้ที่ต้องการยกระดับไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยในราคาที่จับต้องได้
รีวิว นี้ TechOffside จะพาคุณไปสำรวจคุณสมบัติเด่น ประสบการณ์การใช้งาน และเหตุผลที่ทำให้ Xiaomi Watch S4 และ Xiaomi Buds 5 Pro คู่ควรกับการเป็นคู่หูในชีวิตประจำวันของคุณ
Xiaomi Watch S4: นาฬิกาอัจฉริยะที่ผสมผสานสไตล์คลาสสิกกับนวัตกรรมล้ำสมัย
Xiaomi Watch S4 สร้างความประทับใจตั้งแต่แกะกล่อง ด้วยดีไซน์พรีเมียมที่ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยได้อย่างลงตัว ตัวเรือนใช้วัสดุที่แข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักเพียง 44.5 กรัม สวมใส่สบายแม้ในระหว่างการออกกำลังกายหรือการนอนหลับ การออกแบบที่พิถีพิถันทุกรายละเอียดสะท้อนแนวคิด “Dial up your style” ที่ให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งลุคของนาฬิกาได้ตามต้องการ เหมาะกับทั้งการใช้งานในชีวิตประจำวันและโอกาสพิเศษ
🔺 ในกล่องแพ็กเกจ นอกจากตัวเรือนนาฬิกาแล้ว จะมีตัวสายชาร์จแบบหัวชาร์จ USB-A โดยตัวชาร์จจะเป็นเขี้ยวสัมผัส 2 จุด
การออกแบบและวัสดุที่พิถีพิถัน
Xiaomi Watch S4 โดดเด่นด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.43 นิ้ว ที่มาพร้อมความสว่างสูงถึง 2,200 nits ในโหมด Peak Brightness และ 1,500 nits ในโหมด HBM (High Brightness Mode) ทำให้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนแม้ในสภาพแสงแดดจ้า หน้าจอมีความละเอียด 466 x 466 พิกเซล ที่ 326 PPI ให้ภาพที่คมชัดและสีสันสดใส
ตัวเรือนผลิตจากอลูมิเนียมอัลลอยด์คุณภาพสูง ผ่านกระบวนการ PVD (Physical Vapor Deposition) ที่สร้างพื้นผิวสัมผัสเงางามคล้ายสแตนเลสสตีล
ที่ด้านข้างตัวเรือนมาพร้อมปุ่มมงกุฎหมุน (Rotating Crown) หรือที่คนไทยคุ้นชินในขื่อเรียกว่า “เม็ดมะยม” ที่ครั้งนี้ได้รับการอัปเกรดใหม่ให้สัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลแต่แม่นยำในการหมุน ช่วยให้การนำทางในเมนูต่างๆ และการเลื่อนอ่านข้อความแจ้งเตือนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จุดเด่นในการออกแบบของ Xiaomi Watch S4 คือความสามารถในการเปลี่ยนกรอบ Bezel และสายนาฬิกาได้อย่างง่ายดาย ด้วยระบบล็อคที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ โดยที่ตัวกรอบหน้าปัดนั้น ถอดเปลี่ยนได้ง่ายเพียงแค่บิดหมุนไปทางซ้ายก็สามารถถอดเปลียนเอากรอบดีไซน์อื่นๆ มาใส่แทนได้
ส่วนตัวสายนาฬิกาตัวปลดล็อคจะมีเขี้ยวเล็กๆ ยึดล็อคอยู่ เพียงแค่ดันออกก็ถอดได้แล้ว และถึงแม้จะดูว่าถอดง่าย แต่ในการสวมใส่จริงนั้นมีความแน่นหนาและไม่หลุดระหว่างใช้งาน
สำหรับตัวเลือกของนาฬิกาจะมีทั้งหมด 3 สี ด้วยกัน คือ Silver, Black และ Rainbow สำหรับ Xiaomi Watch S4 รุ่นที่ TechOffside ได้มาทดสอบรีวิว จะเป็นสี Black ที่ดุเรียบขรึม สไตล์แมนๆ เข้ากับสไตล์การแต่งตัวทั้งแบบทางการและไลฟ์สไตล์ในทุกวัน ตัวสายนาฬิกาเป็นแบบซิลิโคนที่สวมได้กระชับ
หน้าปัดและการควบคุมที่ตอบสนองทุกการใช้งาน
ปุ่มควบคุมเม็ดมงกุฎแบบหมุนได้ (Rotating Crown) ไม่ได้มีแค่ความสวยงาม แต่ใช้งานได้แม่นยำและให้สัมผัสที่ดีขึ้น โดยเวลาที่เราหมุนจะมีการสั่นแบบ Haptic ที่ช่วยให้รู้จังหวะในการหมุนเลื่อนอย่างเที่ยงตรง
การหมุนนาฬิกาเม็ดมงกุฎช่วยให้การเลื่อนดูวิดเจ็ตและพรีวิวข้อความแจ้งเตือนทำได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ลดการสัมผัสหน้าจอที่ไม่จำเป็น ทำให้การอ่านข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดีไซน์คลาสสิกนี้ผสมผสานความรู้สึกของนาฬิกาแบบดั้งเดิมเข้ากับฟังก์ชันสมาร์ทวอทช์ได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้สำหรับการควบคุมยังมีเพิ่มระบบ Quick Gestures ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ของนาฬิกาได้ด้วยการพลิกข้อมือหรือท่าทางอื่นๆ ที่สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ ท่าทางเหล่านี้สามารถใช้ในการปฏิเสธหรือละเว้นการแจ้งเตือน ถ่ายภาพจากระยะไกล เปิดแอปพลิเคชันสภาพอากาศ และอื่นๆ อีกมากมาย ทั้งนี้ผู้ใช้ต้องอยู่ในท่านิ่งและวางแขนขนานกับลำตัว เพื่อให้ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวได้อย่างแม่นยำ
ฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ครบครัน
ยกระดับการติดตามสุขภาพด้วยฟีเจอร์ One-tap Health Insights ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบข้อมูลสุขภาพที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับความเครียด ออกซิเจนในเลือด และคุณภาพการนอนหลับ เพียงแค่แตะหนึ่งครั้ง ระบบจะสร้างรายงานการตรวจทางกายภาพขนาดเล็กภายในเวลาเพียง 60 วินาที ด้วยโมดูลตรวจจับอัตราการเต้นหัวใจความแม่นยำสูงและอัลกอริทึมที่พัฒนาโดย Xiaomi เอง ทำให้ความแม่นยำในการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจสูงถึง 98%
สำหรับนักกีฬาและผู้รักการออกกำลังกาย Xiaomi Watch S4 มาพร้อมโหมดกีฬามากกว่า 150 โหมด ครอบคลุมทั้งกีฬาทั่วไปและกีฬาเฉพาะทาง เช่น โหมดสกีมืออาชีพที่บันทึกข้อมูลระยะทาง เวลา ความเร็วเฉลี่ยของการเลื่อนและเลี้ยวแต่ละครั้ง
พร้อมฟีเจอร์การวิเคราะห์ท่าวิ่งที่จะระบุตัวชี้วัดท่าทางวิ่งสำคัญ เช่น อัตราส่วนแนวตั้ง แอมพลิจูดแนวตั้ง และเวลาสัมผัสพื้น เพื่อให้คำแนะนำระดับมืออาชีพสำหรับการออกกำลังกายที่ดียิ่งขึ้น
นาฬิกามาพร้อมเซ็นเซอร์ 7 ชนิด ประกอบด้วย เซ็นเซอร์วัดความเร่ง, ไจโรสโคป, เซ็นเซอร์วัดแสงโดยรอบ, เข็มทิศอิเล็กทรอนิกส์, บารอมิเตอร์, เซ็นเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ (พร้อมเซ็นเซอร์วัดออกซิเจนในเลือด) และ Hall sensor เพื่อช่วยให้การตรวจับระหว่างการออกกำลังกายมีความเที่ยงตรงแม่นยำมากที่สุด
การติดตามตำแหน่งในกิจกรรมกลางแจ้งทำได้อย่างแม่นยำด้วยชิป GNSS คู่ความถี่ L1+L5 ที่รองรับระบบดาวเทียมนำทางหลัก 5 ระบบ ช่วยให้การบันทึกกิจกรรมกลางแจ้งมีความแม่นยำและรวดเร็ว แม้ในพื้นที่ที่มีสัญญาณ GPS อ่อน เช่น ในเมืองที่มีตึกสูง หรือในพื้นที่ป่าที่มีต้นไม้หนาแน่น
Xiaomi Watch S4 จึงเป็นเสมือนโค้ชส่วนตัวบนข้อมือ ที่พร้อมช่วยให้คุณที่ต้องการฝึกซ้อมกีฬาเพื่อพัฒนาตัวเองมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การติดตามสุขภาพส่วนตัวผมชอบในส่วนของการตรวจจับการนอน ที่มีความแม่นยำและบันทึกให้อัตโนมัติเมื่อเราหลับและตื่น และมีการสรุปที่ละเอียดทั้งคุณภาพของการนอนที่ได้รับการประเมินเป็นคะแนน และบอกว่าเรานอนหลับลึก หลับตื้น หรือตื่นระหว่างหลับหรือไม่ ช่วยให้ประเมินการพักผ่อนและปรับพฤติกรรมให้หลับให้เพียงพอ
และในแอป Xiaomi Fitness จะเป็นศูนย์รวมข้อมูลการออกกำลังกายและสุขภาพของเรา
รวมไปถึงยังใช้ในการปรับแต่งการตั้งค่าตัวนาฬิกา, เปลี่ยนหน้าปัด และสั่งอัปเดตเวอร์ชั่นของนาฬิกาให้ในแอปเดียว
การแสดงผลแจ้งเตือนบนนาฬิกา เราเลือกได้ว่าจะแสดงทั้งหมด หรือเปิดให้เตือนเฉพาะบางแอปก็ได้
แบตเตอรี่และการใช้งานที่ตอบโจทย์การใช้งานทุกรูปแบบ
Xiaomi Watch S4 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 486mAh โดยมีอายุการใช้งานยาวนานสูงสุดถึง 15 วัน ในโหมดการใช้งานทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนำที่ชาร์จติดตัวไปด้วยในการเดินทางระยะสั้น
จากการทดสอบใช้งาน ที่เปิดใช้งานฟีเจอร์ตรวจจับการเต้นของหัวใจตลอดทั้งวัน ตรวจจับการนอนแบบละเอียด และใช้เชื่อมต่อกับ Xiaomi 15 ในการรับการจแจ้งเตือน รวมถึงใช้บันทึกการออกกำลงกาย ผลที่ได้คือผ่านไป 3 วันแบตเตอรี่นั้นลดไปประมาณ 23% ถือว่าใกล้เคียงกับที่เสียวหมี่แจ้งใว้
จุดเด่นของระบบชาร์จคือความเร็วที่น่าประทับใจ ด้วยเทคโนโลยีชาร์จเร็ว เพียงชาร์จ 5 นาที จะสามารถใช้งานได้นานถึง 2 วัน ทำให้สามารถชาร์จนาฬิกาในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น ขณะอาบน้ำหรือแปรงฟัน และมีแบตเตอรี่เพียงพอสำหรับการใช้งานต่อเนื่อง
Xiaomi Watch S4 ใช้ระบบชาร์จแบบแม่เหล็ก 2-Pin ที่ออกแบบมาให้เชื่อมต่อกับนาฬิกาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ไม่มีปัญหาการเชื่อมต่อผิดตำแหน่งหรือหลุดง่าย ตัวชาร์จเจอร์ยึดติดกับนาฬิกาได้อย่างมั่นคงด้วยแรงแม่เหล็ก แต่ยังสามารถถอดออกได้โดยง่ายเมื่อต้องการ ช่วยให้ประสบการณ์การชาร์จสะดวกและไม่ยุ่งยาก
Xiaomi Buds 5 Pro: หูฟังไร้สาย ยกระดับประสบการณ์เสียงที่ดีขึ้น
Xiaomi Buds 5 Pro นำเสนอนวัตกรรมล้ำสมัยภายใต้แนวคิด “Hear the difference” ที่จะเปลี่ยนวิธีที่คุณรับฟังเสียงอย่างสิ้นเชิง ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อ WiFi ที่ส่งผ่านเสียงคุณภาพสูงแบบไร้การสูญเสีย (Lossless Audio) ที่ความเร็วสูงถึง 4.2Mbps ประกอบกับระบบไดรเวอร์โคแอกเซียลคู่สามตัว (Dual-amplifier coaxial triple drivers) ที่ทำงานประสานกันเพื่อมอบเสียงที่มีรายละเอียด ความคมชัด และความลึกที่เหนือกว่า พร้อมระบบตัดเสียงรบกวนที่ทรงพลังและฟีเจอร์อัจฉริยะที่รองรับการใช้งานทั้งในชีวิตประจำวันและการทำงาน
🔺 ในกล่องแพ็กเกจ จะมีตัวจุกซิลิโคนสำหรับเปลี่ยนเพื่อความกระชับในการสวมใส่ ให้เปลี่ยนได้อีก 3 ขนาด และมีสายชาร์จแบบสั้นแถมมาให้ด้วย
การออกแบบและความสบายในการสวมใส่
Xiaomi Buds 5 Pro โดดเด่นด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันทุกรายละเอียด มุ่งเน้นทั้งสุนทรียภาพและการสวมใส่ที่สบาย ตัวหูฟังมีน้ำหนักเพียง 5.6 กรัมต่อข้าง ทำให้สวมใส่ได้อย่างสบายแม้ในการใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลานาน การออกแบบเชิงการยศาสตร์ช่วยให้หูฟังโอบกระชับกับช่องหูได้อย่างพอดี ลดความเมื่อยล้าและความอึดอัดที่มักพบในหูฟังไร้สายทั่วไป การสวมใส่ที่มั่นคงยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนและคุณภาพเสียงโดยรวม
สำหรับรุ่น WiFi จะมีให้เลือกในสี Translucent Black ที่มาพร้อมเคสสีดำโปร่งแสงที่ช่วยสร้างบุคลิกที่ดูไฮเทค ทันสมัย
ในขณะที่รุ่นมาตรฐานมีให้เลือกสองสี คือ Ceramic White สีขาวเซรามิกที่ดูหรูหรา สง่างาม และ Titan Gray สีเทาไทเทเนียมที่ให้ความรู้สึกเรียบง่ายแต่โฉบเฉี่ยว ตัวเลือกสีที่หลากหลายนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกได้ตามรสนิยมและสไตล์การแต่งตัว
สำหรับ Xiaomi Buds 5 Pro ที่ TechOffside ได้มาทดสอบ รีวิว ครั้งนี้ จะเป็นรุ่นมาตรฐาน สีขาวเซรามิก ที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่ก้านหูฟังที่บางและสง่างาม มีลวดลายเรียบง่ายแต่ดูมีระดับ ไปจนถึงโลโก้ Xiaomi สีทองที่ประทับบนตัวหูฟังและเคส ให้ความรู้สึกหรูหราระดับพรีเมียม
ในขณะที่ด้านในของหูฟังได้รับการออกแบบให้มีจุดสัมผัสและรูปทรงที่เข้ากับช่องหูได้อย่างเป็นธรรมชาติ และความเรียบเนียนเป็นชิ้นเดียวที่โค้งมนอย่างสวยงาม
คุณภาพเสียงระดับสตูดิโอ
Xiaomi Buds 5 Pro ยกระดับประสบการณ์การฟังด้วยเทคโนโลยีไดรเวอร์โคแอกเซียลคู่สามตัว (Dual-amplifier coaxial triple drivers) ซึ่งเป็นนวัตกรรมแรกของเสียวหมีในหูฟังรุ่นนี้ ระบบแอมพลิไฟเออร์คู่ทำงานแยกขับเสียงย่านความถี่สูงและต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการรบกวนระหว่างสัญญาณเสียงความถี่สูงและต่ำ ทำให้รายละเอียดและความชัดเจนของเสียงดีขึ้น
ไดรเวอร์สามตัวประกอบด้วยไดรเวอร์ขนาด 11 มม. ทวีตเตอร์เซรามิก PZT และไดรเวอร์แบบระนาบ (Planar driver) ทำงานร่วมกันเพื่อให้เสียงที่โดดเด่นทั้งในย่านความถี่ต่ำ กลาง และสูง ส่งผลให้เสียงเบสหนักแน่น เสียงแหลมคมชัด และเสียงกลางนุ่มนวล
ด้วยการรองรับช่วงความถี่กว้างพิเศษ 15-50kHz หูฟัง Xiaomi Buds 5 Pro มอบรายละเอียดเสียงที่แม่นยำและสมจริง ทำให้สามารถถ่ายทอดชั้นเสียงที่แตกต่างกันได้อย่างชัดเจน สร้างประสบการณ์การฟังที่น่าดื่มด่ำ นอกจากนี้ ประสิทธิภาพในการตอบสนองความถี่ต่ำยังดีขึ้นกว่ารุ่นก่อน ถึง 200% ช่วยให้เสียงเบสมีความหนักแน่นและลึกมากขึ้น
คุณภาพเสียงยังได้รับการยกระดับด้วยการปรับแต่งโดยทีม Harman Golden Ear ผ่านเทคโนโลยี Harman AudioEFX ที่นำเสนอเสียงที่มีความสมดุลและน่าฟังมากขึ้น พร้อม EQ แบบปรับตั้งล่วงหน้า 6 รูปแบบ รวมถึงโปรไฟล์ EQ เฉพาะทาง 2 แบบ ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งเสียงให้ตรงตามความต้องการและประเภทเพลงที่ฟัง เพื่อประสบการณ์การฟังระดับมืออาชีพ ทั้งนี้ ผู้ใช้จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอป Xiaomi Earbuds เพื่อใช้ฟีเจอร์นี้
Xiaomi Buds 5 Pro รองรับระบบเสียงแบบไร้การสูญเสีย (Lossless Audio) ด้วยเทคโนโลยี Qualcomm aptX ที่ส่งเสียงคุณภาพสูงผ่าน Bluetooth ด้วยอัตราการส่งข้อมูลสูงถึง 2.1Mbps (48kHz/24bit) ในขณะที่รุ่น WiFi ยกระดับประสบการณ์การฟังไปอีกขั้นด้วยเทคโนโลยี Qualcomm XPAN ที่ช่วยให้สามารถส่งข้อมูลเสียงผ่าน WiFi ด้วยความเร็วสูงถึง 4.2Mbps (96kHz/24bit) ส่งผลให้รายละเอียดเสียงที่ถูกบีบอัดในการส่งผ่าน Bluetooth ทั่วไป ถูกเก็บรักษาไว้อย่างครบถ้วน มอบเสียงที่เที่ยงตรงและเต็มไปด้วยรายละเอียดเหมือนต้นฉบับมากขึ้น สำหรับผู้ที่หลงใหลในคุณภาพเสียงระดับสูง รุ่น WiFi จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยที่ตอนนี้จะรองรับเฉพาะการเชื่อมต่อกับ Xiaomi 15 Ultra และจะมีการอัปเดตรองรับรุ่นอื่นๆ ในอนาคต
ระบบตัดเสียงรบกวนและโหมด Transperent
Xiaomi Buds 5 Pro ใช้ตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ (ANC) ระดับสูงถึง 55dB ที่ความถี่ 5kHz ซึ่งเป็นระดับแฟล็กชิปในตลาดหูฟังไร้สาย ประสิทธิภาพในการตัดเสียงรบกวนที่ครอบคลุมแบนด์วิดท์สูง ช่วยให้สามารถกรองเสียงรบกวนได้หลากหลายสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเสียงรถยนต์บนท้องถนน รถไฟฟ้าใต้ดิน เสียงพูดคุย หรือเสียงรบกวนในสำนักงาน ทำให้ผู้ใช้สามารถดื่มด่ำกับเพลงหรือโทรศัพท์โดยไม่ถูกรบกวน
ระบบ ANC ผู้ใช้สามารถเลือกปรับได้หลายระดับ เลือกได้ว่าจะเลือกปรับรเองหรืออัตโนมัติ ทำให้มีความยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งการตัดเสียงรบกวนได้ตามความต้องการ นอกจากนี้ หูฟังยังมีเทคโนโลยี Adaptive ANC ที่ฉลาดพอจะตรวจจับสภาพแวดล้อมรอบตัวและปรับความดังโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ได้ประสบการณ์การฟังที่ดีที่สุดไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมใด
Xiaomi Buds 5 Pro มอบความยืดหยุ่นในการรับฟังสภาพแวดล้อมรอบตัวด้วย 3 โหมดความโปร่งใส (Transparency Modes) ที่แตกต่างกัน ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรับฟังเสียงภายนอกได้โดยไม่ต้องถอดหูฟัง เหมาะสำหรับการสนทนาสั้นๆ การฟังประกาศในที่สาธารณะ หรือการรับรู้เสียงรอบข้างเพื่อความปลอดภัยในขณะออกกำลังกายกลางแจ้ง การสลับระหว่างโหมด ANC และโหมดความโปร่งใสทำได้อย่างรวดเร็วผ่านการควบคุมสัมผัสที่ตัวหูฟัง ช่วยให้ผู้ใช้สามารถปรับการรับฟังได้ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ฟีเจอร์พิเศษและการควบคุม
Xiaomi Buds 5 Pro มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษที่เปลี่ยนหูฟังให้เป็นมากกว่าอุปกรณ์ฟังเพลง ด้วยระบบบันทึกเสียงในตัว ที่สามารถบันทึกได้นานถึง 4 ชั่วโมง ทั้งขณะสวมใส่หูฟังหรือเก็บไว้ในเคส ทำให้กลายเป็นไมโครโฟนพกพาที่สะดวก
ผู้ใช้สามารถเริ่มบันทึกได้โดยคลิกปุ่มบนเคสสามครั้ง หรือบันทึกอย่างรวดเร็วผ่านท่าทางสัมผัสที่หูฟัง การบันทึกจะถูกเก็บไว้ในหูฟังโดยตรงและสามารถส่งออกเป็นไฟล์เสียงในแอปได้
ฟีเจอร์ที่น่าสนใจอีกอย่างคือความสามารถในการแปลและถอดความด้วย AI ขับเคลื่อนโดย Xiaomi HyperAI ทำให้หูฟังกลายเป็นผู้ช่วยมืออาชีพที่พร้อมใช้งานได้ทันที โดยจะมีอัปเดตให้ใช้งานกันได้ในช่วงกลางปี 2568 นี้
การควบคุมใช้งาน Xiaomi Buds 5 Pro จะมาพร้อมระบบ Smart Touch Control ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟังก์ชันต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย เพียงหนีบบริเวณควบคุมแบบสัมผัสเบาๆ เพื่อเข้าถึงฟังก์ชันหลากหลาย และปัดนิ้วขึ้นหรือลงเพื่อปรับระดับเสียง เล่นหรือหยุดเพลง, รับสายวางสาย, เปลี่ยนเพลง, ควบคุม ANC และบันทึกเสียง โดยการควบคุมทั้งหมดสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าท่าทางสัมผัสได้ผ่านการตั้งค่า Bluetooth หรือแอป Xiaomi Earbuds บนสมาร์ทโฟน
แบตเตอรี่และการกันน้ำ
Xiaomi Buds 5 Pro ให้คุณใช้งานที่ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ที่ให้เวลาการเล่นต่อเนื่องสูงสุดถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จครั้งเดียว และรวมเคสชาร์จแล้วสามารถใช้งานได้สูงสุด 40 ชั่วโมง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่หมดระหว่างวัน ร่วมกับเทคโนโลยีชาร์จเร็วช่วยให้การชาร์จเพียง 10 นาทีสามารถใช้งานได้ถึง 4 ชั่วโมง เหมาะสำหรับผู้ที่เร่งรีบหรือลืมชาร์จหูฟังก่อนออกจากบ้าน แถมด้วยเคสชาร์จยังรองรับโปรโตคอลการชาร์จไร้สาย Qi ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ชาร์จไร้สายที่หลากหลายได้
นอกจากนี้การใช้งานหูฟัง Xiaomi Buds 5 Pro ยังไม่ต้องกังวลด้วย มาตรฐานกันน้ำ IP54 ที่ช่วยปกป้องจากฝุ่นและน้ำกระเซ็น ทำให้สามารถใช้งานได้แม้ในสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นฝนพรำหรือการออกกำลังกายที่มีเหงื่อมาก
สรุป รีวิว Xiaomi Watch S4 และ Xiaomi Buds 5 Pro – อัปเกรดใหม่ครั้งนี้ ใช้แล้วดีขนาดไหน
ครั้งนี้เสียวหมี่พัฒนาอุปกรณ์สวมใส่อย่าง Xiaomi Watch S4 ออกตอบโจทย์สำหรับคนที่ต้องการสมาร์ทวอทช์ที่มีดีไซน์สวยงาม สวมใส่สบายด้วยน้ำหนักเบา แบตเตอรี่ใช้งานได้ต่อเนื่องไม่ต้องชาร์จบ่อย ดดยที่มีฟีเจอร์ติดตามสุขภาพและการออกกำลีงกายที่ครบครัน
ที่น่าสนใจคือการปรับแต่งดีไซน์ของตัวนาฬิกาที่ทำได้อย่างยืดหยุ่น ตั้งแต่การถอดเปลี่ยนกรอบ Bezel ได้ และการเปลี่ยนสายนาฬิกาที่สะดวกง่ายได้ ช่วยให้ปรับลุคให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และการแต่งตัวในแต่ละวันได้อย่างลงตัว
ส่วนทางด้านของหูฟัง Xiaomi Buds 5 Pro ก็ทำออกมาได้น่าประทับใจทั้งดีไซน์ที่สวยสวมใส่สบายไม่รู้สึกอึดอัด ตัวฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนทำได้ดี ช่วยให้เวลาที่เราต้องการสมาธิหรืออยากดื่มด่ำกับดนตรีได้อย่างเต็มอิ่ม เพิ่มด้วยฟีเจอร์ที่แปลกใหม่อย่างการใช้งานเพื่อบันทึกเสียงในตัว เหมาะสำหรับเวลาการประชุมหรือการเรียนที่ต้องบันทึกเสียงได้ง่ายและสะดวกมาก
รวมไปถึงกับตัวเลือกเวอร์ขัน Wi-Fi ที่ให้คุณภาพเสียง Loseless ขั้นสูง ในการฟังผ่านหูฟังไร้สายได้อย่างเต็มอารมณ์ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฟังเพลงในระดับ Audiophile ถือว่าเป็นการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดมาให้แฟนๆ เสียวหมี่ได้ใช้งานก่อนใคร
ที่สำคัญทั้ง Xiaomi Watch S4 และ Xiaomi Buds 5 Pro ที่จัดเต็มทั้งเรื่องประสิทธิภาพ ฟังก์ชันใช้งาน และดีไซน์ แต่ก็ยังคงมาในราคาที่เข้าถึงได้ง่ายและคุ้มค่าเช่นเดิม โดยในการเปิดตัวนั้นมีโปรโมชันพิเศษมาให้ด้วย
- นาฬิกา Xiaomi Watch S4 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Silver, Black และ Rainbow โดยสี Silver และ Black วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 4,990 บาท (จากราคาปกติ 5,490 บาท) และสี Rainbow วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 5,490 บาท (จากราคาปกติ 5,990 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2568 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
- หูฟัง Xiaomi Buds 5 Pro มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ Ceramic White และ Titan Gray วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 5,990 บาท (จากราคาปกติ 6,990 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2568 ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
- หูฟัง Xiaomi Buds 5 Pro (WiFi) สี Translucent Black วางจำหน่ายในราคาพิเศษ 6,490 บาท (จากราคาปกติ 7,490 บาท) ตั้งแต่วันนี้ – 31 มีนาคม 2568 ที่ Xiaomi Store สาขาเดอะมอลล์งามวงศ์วานและสาขาสยามพารากอน รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok