Scopely ผู้นำธุรกิจเกมมือถืออันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกา ประกาศลงนามข้อตกลงเข้าซื้อธุรกิจเกมของ Niantic ในมูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ ครอบคลุมทั้งทีมพัฒนาเกมและเกมชื่อดังอย่าง “Pokémon GO”, “Pikmin Bloom” และ “Monster Hunter Now” รวมถึงแอปพลิเคชันเสริมอย่าง “Campfire” และ “Wayfarer”
ปัจจุบัน ธุรกิจเกมของ Niantic มีฐานผู้เล่นประจำเดือนกว่า 30 ล้านคน และสร้างรายได้มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 โดยเฉพาะ Pokémon GO ที่ยังคงเป็นเกมฮิตที่ติดอันดับเกมมือถือยอดนิยม 10 อันดับแรกทุกปีนับตั้งแต่เปิดตัว โดยในปีล่าสุดมีมีผู้เล่นมากกว่า 100 ล้านคน
การเข้าซื้อกิจการครั้งสำคัญในวงการเกมมือถือ
Scopely เป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในวงการเกมมือถือ ขึ้นชื่อเรื่องประสบการณ์เกมแบบ social ที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน โดยมีเกมดังในพอร์ตโฟลิโอ เช่น “MONOPOLY GO!”, “Stumble Guys”, “Star Trek™ Fleet Command” และ “MARVEL Strike Force”
Tim O’Brien ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรายได้และกรรมการบริหารของ Scopely กล่าวว่า “Scopely มุ่งมั่นในการสร้างชุมชนที่มีความหมายผ่านความรักในการเล่นเกม และทีมงานเกมของ Niantic เป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดในโลกในด้านนี้ เรารู้สึกได้รับแรงบันดาลใจจากสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา นำเสนอประสบการณ์ที่สร้างสรรค์ที่ดึงดูดผู้ชมทั่วโลก และพาผู้คนออกไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง”
ทางด้านของ John Hanke ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Niantic กล่าวว่า “เกมของ Niantic เป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมผู้คนและสร้างแรงบันดาลใจในการสำรวจ และผมมั่นใจว่าพวกเขาจะยังคงทำเช่นนั้นต่อไปในฐานะส่วนหนึ่งของ Scopely”
อนาคตของ Niantic หลังการขายธุรกิจเกม
หลังจากการเข้าซื้อกิจการ Niantic จะแยกแพลตฟอร์มเทคโนโลยีออกเป็นบริษัทอิสระใหม่ชื่อ Niantic Spatial Inc. นำโดย Hanke โดยจะเป็นบริษัทด้าน AI เชิงพื้นที่ที่ขับเคลื่อนด้วยแผนที่รุ่นถัดไป ช่วยให้อุปกรณ์และเครื่องจักรเข้าใจและโต้ตอบกับโลกทางกายภาพ
พร้อมกันนี้ Niantic Spatial จะยังคงเป็นเจ้าของและดำเนินการเกม AR อย่าง “Ingress Prime” และ “Peridot” ที่ตัวเองพัฒนาต่อไป
สมาชิกทั้งหมดของทีมพัฒนาเกม Niantic พร้อมผู้นำที่มีประสบการณ์อย่าง Kei Kawai และ Ed Wu จะเข้าร่วมกับ Scopely ซึ่งมีพนักงานกว่า 2,300 คนทั่วเอเชีย, EMEA, อเมริกาเหนือ และอเมริกากลาง เพื่อพัฒนาและดำเนินการเกมที่ได้รับความนิยมต่อไป
ติดตามข่าวสาร อัปเดตเทคโนโลยี รีวิวของใหม่ก่อนใคร ได้ทาง www.techoffside.com และ Google News
ช่องทางโซลเชียล Facebook, Instagram, YouTube และ TikTok